ช่างภาพเล่านาทีสปีดโบ๊ตระเบิดกลางทะเล ทิ้งกล้องราคาเป็นแสน โดดน้ำเอาชีวิตรอด

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 20 ก.ค.65 ร.ต.อ.หญิงพรอุมา แก้วประดิษฐ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากน้ำชุมพร ได้รับแจ้งเหตุเครื่องยนต์เรือโดยสารสปีดโบ๊ตระเบิดกลางทะเล จุดเกิดเหตุห่างจากฝั่ง ประมาณ 3-5 กิโลเมตร บริเวณเกาะลังกาจิว ตำบลปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร มีผู้โดยสารและลูกเรือผู้บาดเจ็บหลายราย พร้อมกับประสานหน่วยกู้ภัยทางน้ำ มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ออกช่วยเหลือ

จุดเกิดเหตุพบเรือสปีดโบ๊ตชื่อ “เรือลมหลักคีรินทร์ 18” ไฟลุกท่วมเกือบวอดทั้งลำ โดยมีชาวประมงที่ประสบเหตุกำลังช่วยเหลือผู้โดยสารและลูกเรือกระโดดลอยคอเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล แยกเป็นผู้บาดเจ็บสีแดงอาการสาหัส 2 ราย มีบาดแผลไฟไหม้ตามตัวและใบหน้า ผู้บาดเจ็บสีเหลือง 3 ราย มีบาดแผลตามร่างกาย และผู้บาดเจ็บสีเขียว 15 ราย มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย

จากการสอบสวนเบื้องต้นมีรายงานว่าเรือสปีดโบ๊ตลำดังกล่าวได้รับผู้โดยสารจำนวน 18 คน และพนักงานบนเรือ 2 คน ออกจากท่าเรือลมพระยา เพื่อส่งผู้โดยสารระหว่างชุมพร-เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากออกจากฝั่งไปได้ไม่ถึง 10 นาที เครื่องยนต์ระเบิดอย่างรุนแรงจนไฟลุกท่วม พนักงานบนเรือและผู้โดยสารบาดเจ็บ

นายบุญฤทธิ์ อายุ 35 ปี เป็น ช่างภาพที่มากับกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บ เผยว่า เดินทางมาจากกรุงเทพ เช่าเหมาลำเรือลำดังกล่าว เพื่อไปท่องเที่ยวและดำน้ำ และพักค้างคืนที่เกาะเต่า โดยมากันทั้งหมด 18 คน ระหว่างที่นั่งอยู่ในเรือ ตนเองและคนอื่นๆ รู้สึกผิดสังเกตเนื่องจากได้กลิ่นน้ำมันลอยขึ้นมา จนเรือเล่นออกไปจากท่าได้ประมาณ 5 นาที ก็ได้ยินเสียงระเบิดตูมสนั่น เกิดไฟลุกโชนขึ้นมา ทุกคนร้องด้วยความตกใจ และกระโดดหนีตายลงน้ำ แต่โชคดีที่ทุกคนว่ายน้ำเป็น และใส่เสื้อชูชีพ

นายบุญฤทธิ์กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ยังถือว่าโชคดีมีเพียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิต และโชคดีที่จุดเกิดเหตุอยู่ใกล้ฝั่ง ในระยะที่คนบนฝั่งสามารถเห็นได้ สำหรับอุปกรณ์ของตนที่ได้รับความเสียหาย มีทั้งกล้อง เลนส์อีก 3 ตัว มูลค่ารวมๆ 2 แสนกว่าบาท ต้องทิ้งทั้งหมด ตอนแรกนึกว่าไฟจะไม่ไหม้หนักขนาดนี้ ยังไม่อยากกระโดด พอไฟเริ่มร้อน จึงตัดใจทิ้งของ แล้วกระโดดจากเรือเอาชีวิตรอดทันที