ผู้นําขององค์การสหประชาชาติและองค์กรการกุศลประกาศว่า “พอแล้ว” และเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทางมนุษยธรรมทันทีในกาซา ขณะที่จํานวนผู้เสียชีวิตฝ่ายปาเลสไตน์พุ่งสูงขึ้นเป็น 10,000 คน
ในข้อความร่วมกันที่ออกเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้นําเอื้อนหนุนว่า การสังหารมากกว่า 1,400 คนในอิสราเอล เมื่อกลุ่มฮามาสดําเนินการโจมตีแบบไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา นั้น “น่าสยดสยอง”
“แต่การสังหารพลเรือนในกาซาจํานวนมากกว่านั้นเป็นเรื่องน่าสะพรึงกลัว เช่นเดียวกับการตัดขาด 2.2 ล้านคนของปาเลสไตน์ออกจากอาหาร น้ํา ยา กระแสไฟฟ้า และน้ํามันเชื้อเพลิง” ข้อความระบุ
จํานวนผู้เสียชีวิตฝ่ายปาเลสไตน์ในสงครามอิสราเอล-ฮามาสเกิน 10,000 คน โดยมีเด็กและเยาวชนมากกว่า 4,000 คน ตามกระทรวงสุขภาพของฮามาสในกาซา
“ประชากรทั้งหมดถูกปิดล้อมและโจมตี ไม่ได้รับเข้าถึงสิ่งจําเป็นสําหรับการอยู่รอด ถูกทิ้งระเบิดในบ้าน ที่พักพิง รพ และสถานที่สวดมนต์ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ยอมรับได้” ข้อความระบุ
“เราต้องการการหยุดยิงทางมนุษยธรรมทันที ผ่านไปแล้ว 30 วัน เพียงพอแล้ว ต้องหยุดทันที” ข้อความระบุต่อ
ข้อความร่วมลงนามโดยผู้นํา 18 องค์กรของคณะกรรมาธิการระหว่างกระทรวงสําหรับการช่วยเหลือฉุกเฉิน รวมถึงคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โวลเคอร์ ทูร์ก ผู้อํานวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เตโดรส อัดฮานอม เกบรีเยซุส และผู้อํานวยการช่วยเหลือของสหประชาชาติ มาร์ติน กริฟฟิทส์
อิสราเอลยังปฏิเสธที่จะตกลงการหยุดยิงหรือหยุดการต่อสู้ โดยอ้างว่ามาตรการเหล่านี้เพียงแต่ช่วยให้ฮามาสฟื้นฟูกําลังและวางแผนการก่อการร้ายต่อไปเช่นการสังหารมากกว่า 1,400 คนในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา และจับตัวประกัน 242 คนจากอิสราเอลไปยังกาซา
ผู้วิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลกล่าวว่า ต้นทุนด้านพลเรือนในกาซาสูงเกินไป แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลประกาศว่าจะดําเนินการต่อไปจนกว่าฮามาสจะถูกทําลาย