กำลังพลเล่านาที “เรือหลวงสุโขทัย” อับปาง เพื่อนสนิท 2 คน ลอยหายไปต่อหน้า

กำลังพลเล่านาที “เรือหลวงสุโขทัย” อับปาง พลทหารรายหนึ่ง เผย เพื่อนสนิท 2 คน ไม่ได้สวมเสื้อชูชีพ หายไปต่อหน้าต่อตา

จากกรณี เรือหลวงสุโขทัย อับปางจากคลื่นลมแรง สาเหตุจากเครื่องไฟฟ้าดับ ขณะกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ แล้วเครื่องไฟฟ้าดับ เครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน

เป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงในเวลาต่อมา ก่อนจะมีการเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 23.46 น. วันที่ 18 ธ.ค. เรือหลวงสุโขทัยได้จมลงใต้ผิวน้ำแล้ว เนื่องจากมีน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด วันนี้ (20 ธ.ค.) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 ได้เปิดเผยเรื่องราวจากบรรดาลูกเรือที่รอดชีวิต เล่านาทีเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง ดังนี้

จ.ท.ภัทราวุฒิ มาราม ลูกเรือเรือหลวงสุโขทัย กล่าวว่า ได้รับบาดเจ็บฟกซ้ำที่ใบหน้าและมีบาดแผลที่แขนทั้งสองข้าง จากเหตุชุลมุนช่วงที่น้ำเข้าเรือจนเรือเอียง คลื่นซัดเรือจนเรือโยนไปมา

ทั้งนี้ เรือหลวงกระบุรี พยายามจะเข้าให้การช่วยเหลือแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะคลื่นแรงจนเรือกระแทกกัน ต้องรอจนเรือจมจึงจะช่วยเหลือลูกเรือได้สำเร็จ คลื่นสูง 4-5 เมตร ตนรับราชการมาเกือบ 2 ปี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่คลื่นลมแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

ด้าน พ.จ.อ.ธวัชชัย เตระวัตร ลูกเรือหลวงสุโขทัย กล่าวด้วยว่า ตัวเองบาดเจ็บ นิ้วมือข้างขวาหัก ชาที่แขน เบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้ว โดยช่วงเกิดเหตุ ได้พยายามลงไปปิดประตูผนึกเพื่อไม่ให้น้ำเข้าเรือ ขณะนั้นน้ำท่วมถึงอก เรือใกล้จมแล้ว ตนได้พยายามช่วยเพื่อนได้ 4 คน ขณะเกิดเหตุคลื่นแรงทำให้ต้องกระแทกกับเรือ จนบาดเจ็บดังกล่าว

จนสุดท้าย ผู้การเรือ ได้ใช้เครื่องปั่นไฟสุดท้าย ประกาศให้ทุกคนสละเรือ ทุกคนโดดลงจากลงเรือ บางคนไม่มีชูชีพ ก็ต้องว่ายน้ำมือเปล่า ตนเองมีชูชีพก็ต้องไปช่วย มือนึงให้อีกคนเกาะ มือขวาให้เพื่อนเกาะอีก 3 คน แต่สุดท้ายมือทั้งสองข้างหมดแรง จนทุกคนได้กระจัดกระจายไป

ตอนที่ผู้การเรือตัดสินใจว่าจะเอาเรือกลับไปสัตหีบ เพราะไปต่อไม่ได้ ก็มีการประเมินว่าคลื่นน่าจะสูง 4 เมตร แต่ปรากฎว่ามันสูงกว่านั้น เลยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

ขณะที่ พันจ่าเอกสมศักดิ์ สิทธิทูล ซึ่งเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย พกช้ำจากการถูกกระแทกจากคลื่นสูง ปิดเผยว่า เส้นทางการเดินเรือหลวงสุโขทัย เริ่มออกเดินทางจากท่าเรือสัตหีบเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. ซึ่งออกเดินทางไปเพื่อที่จะร่วมงาน 100 ปี กรมมาหลวงชุมพรที่ จ.ชุมพร

กระทั่งวันที่ 18 ธ.ค. เวลาประมาณ 08.00 น. เดินทางไปถึงปลายทางเพื่อร่วมงาน แต่หลังจากนั้นเรือไม่สามารถเทียบจอดบริเวณจุดดังกล่าวได้ จึงได้มีการเคลื่อนเรือหลวงสุโขทัยเพื่อที่จะมาเทียบจอดบริเวณท่าเรือบางสะพาน ทันทีที่มาถึงไม่สามารถเข้าเทียบได้

ผู้การเรือจึงได้มีการประเมินสถานการณ์และนำเรือกลับไปยังท่าเรือสัตหีบ ระหว่างที่เดินทางกลับนั้นปรากฏว่าเกิดคลื่นลมทะเลสูง จนทำให้เรือได้รับอุบัติเหตุ โดยมีน้ำไหลทะลักเข้าเรือ

แต่ด้วยระบบของเรือหากระบบสูบน้ำใช้การไม่ได้ จะมีระบบประตูลิ้นกันกลับ ทำหน้าที่ในการปิดประตูเหมือนวาล์วน้ำ เมื่อมีการหมุนปิดประตูดังกล่าวแล้วจะเป็นการเสริมให้ตัวกลับเรือมีความแข็งแรงมากขึ้น ชื่อว่าแรงดันน้ำที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ปิดประตูไม่ทัน น้ำจึงทะลักเข้าในส่วนของรูต่างๆ ของเรือ

ส่วนตัวหลังจากที่ได้รับฟังประกาศครั้งสุดท้ายจากผู้การเรือ ก็ได้มีการสวมใส่ชูชีพ และกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้วยกันอีก 2 คน ก็มีเสื้อชูชีพสวมใส่ แต่ด้วยในวันดังกล่าวมีจำนวนกำลังพลเพิ่มขึ้นในเรือ เนื่องจากมีทหารนาวิกขอขึ้นเรือเพื่อเดินทางกลับไปด้วย จึงทำให้จำนวนชูชีพไม่เพียงพอ

ดังนั้นจำนวนชูชีพเดิมประมาณ 70 ชิ้น จึงพอสำหรับบุคลากรหรือลูกเรือหลัก เมื่อตัดสินใจที่จะทิ้งเรือ จึงทำให้บางคนมีชูชีพบางคนไม่มีชูชีพ แต่ในกลุ่มของตนเองพยายามที่จะจับกลุ่มเป็นกลุ่มใหญ่ และจับมือกันเป็นวงกลม อย่างน้อยก็ไปไหนไปด้วยกัน และที่สำคัญเวลาที่เรือที่มาช่วยเหลือรวมถึงเฮลิคอปเตอร์ที่บินสำรวจจะได้มองเห็นชัด

แต่ในบรรดาคนที่จับมือกันเป็นวงกลม 12 คน ในกลุ่มของตนเอง พบว่าในขณะนั้น มีน้องคนที่ไม่ได้สวมใส่ชูชีพ คาดว่าน่าจะสำลักและหมดสติ จนกระทั่งหลุดหายออกจากกลุ่ม ทุกคนพยายามดีดตัวให้ออกห่างจากเรือให้มากที่สุด แต่อุปสรรคก็คือเรื่องของความมืด ที่แทบจะมองไม่เห็นอะไร นอกจากแสงไฟจากชูชีพ

พลทหารรายหนึ่ง เล่าถึงวินาทีชีวิต ว่า ตอนเกิดเหตุ มีคลื่นสูงซัดเข้ามาที่เรือ ตอนนั้นทุกคนยังพอตั้งหลักได้ แต่ไม่ถึง 2 นาทีต่อมา ก็มีคลื่นลูกที่ 2 ตอนนั้นทุกคน รวมถึงตนเองตั้งหลักไม่ได้ รู้ตัวอีกที ลอยคออยู่กลางทะเล โดยไม่มีชูชีพ ก่อนที่จะเกาะกลุ่มคนมีชูชีพไปขึ้นเรือหลวงกระบุรี ซึ่งเพื่อนๆ บางส่วนก็ไม่มีชูชีพ ทำให้ลอยห่างกันไป

ก่อนหน้านี้ มีคนบอกกับตัวเองเรื่องเสื้อชูชีพว่า ต้องมีบางคนที่เสียสละ มีเพื่อนสนิทอีก 2 คน หายไปต่อหน้าต่อตา ตอนนี้ยังหาไม่เจอ ตนได้แต่ภาวนาให้เจอเพื่อนทั้ง 2 โดยเร็ว และปลอดภัย เพราะทั้งคู่ไม่ได้สวมชูชีพ

ส่วน พลทหารอีกนาย เกือบถูกเรือหลวงสุโขทัยดูดขณะกำลังจะจม และพยายามตะเกียกตะกายออกมาทั้งที่ขาเจ็บ โดยบอกว่า ตอนเกิดเหตุ ตนเกาะอยู่ที่กาบเรือ แต่จู่ๆ มีคลื่นอีกลูกหนึ่ง ซัดคนหายไปต่อหน้าต่อตา ตกเรือไปหมด รวมถึงตนเอง ตอนนั้นควบคุมสติไม่ได้ แต่ดีที่มีคนที่มีชูชีพ มาให้ตนเกาะเป็นกลุ่ม และบอกให้ตั้งสติ และค่อยๆ ว่ายเข้าไปที่เรือหลวงกระบุรี

ตอนนี้เป็นห่วงเพื่อนๆ ของตนที่ยังหาไม่เจอ เพราะเพื่อนถูกคลื่นซัดหายไปต่อหน้าต่อตา และก็ว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนอีกคนก็ศีรษะแตก