คนขับรถตู้มรณะ 11 ศพ ดับสลดพร้อมเมียกับหลาน ที่ติดรถไปกรุงเทพฯ ปกติตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทางเสมอ จีพีเอสระบุวิ่งด้วยความเร็ว 82 กม./ชม.
วันนี้ (22 ม.ค.66) จากกรณีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารเสียหลักพุ่งชนราวเหล็กกั้นทางเกาะกลางถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 100 – 99 บ้านมอจะบก ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา จนเกิดไฟลุกไหม้ท่วมรถตู้ทั้งคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอก 11 ราย และมีผู้รอดชีวิตหวุดหวิดคลานหนีออกมาจากรถได้ทันอีก 1 ราย ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางไปยังที่บ้านโคกสวาท ต.นาผือ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาคนขับรถตู้ดังกล่าว ทีมข่าวได้พบกับ นายวินัย อายุ 54 ปี พี่ชายของ นางสาวอุทัย อายุ 49 ปี ภรรยาของคนขับรถตู้ ซึ่งได้เดินทางไปกับนายวันชัย สามี โดยนายวันชัย เป็นคนขับรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง ของห้างหุ้นส่วนจำกัด มนตรีทรัพย์เจริญ ปกตินายวันชัย จะขับรถไปส่งผู้โดยสารที่ กทม. อยู่เป็นประจำ แต่ในวันที่เกิดเหตุนั้น ตรงกับวันเสาร์ จึงได้พาเมียกับหลานชายคือ ด.ช.กิติเดช อายุ 6 ปี นั่งรถติดเข้าไป กทม. ด้วย
ปกติแล้วนายวันชัย ขับรถไปส่งผู้โดยสารอยู่เป็นประจำไม่เคยเกิดอุบัติเหตุสักครั้ง เพราะก่อนที่จะออกเดินทาง ทางนายจากจะมีการตรวจสอบสภาพและความพร้อมของคนขับทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ตนก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ ซึ่งตอนนี้ทางญาติเองก็ได้เดินทางไปที่ อ.สีคิ้ว เพื่อรับศพ น้องเขย น้องสาว และหลานชายเพื่อมาบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหนองหิ้ง ต.อำนาจ อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ เพื่อพบกับครอบครัวผู้เสียหายจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ ซึ่งครอบครัวนี้ได้สูญเสียลูกสาวคือนางดวงนภา อายุ 41 ปี และหลานสาว ด.ญ.พลอยชมภู อายุ 7 ปี จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย โดย นายคำพูน อายุ 78 ปี ผู้ซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียชีวิตเปิดเผยกับทีมข่าวว่า ลูกสาวของตนนั้นปกติทำงานกับสามีอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี แต่ได้เดินทางกลับมาร่วมงานบวชของลูกชาย แต่เนื่องด้วยของสาวตนมีธุระที่จะต้องทำต่อเลยให้สามีกลับไปก่อน วันที่จะกลับลูกสาวของได้บอกกับตนโดนร้องตะโกนมาบอกตนว่า พ่อหนูกลับก่อนนะ ไม่ได้ออกไปหาพ่อที่ทุ่งนา พอดีรถมาจอดรอรับแล้ว นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ตนได้ยินจากลูกและหลานสาว ตนก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไร เนื่องจากรถตู้คันดังกล่าวนั่นเป็นรถที่ลูกสาวของตนใช้โดยสารเดินทางเวลากลับไปทำงานอยู่ที่ปทุมธานีตลอด ก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
จากนั้นทีมข่าวได้เดินบ้านไปที่บ้านจอก ต.ดงบัง อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ ของ นายรังสรรค์ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งผู้เสียชีวิตกับอุบัติเหตุดังกล่าว และยังเป็นเสาหลักของบ้าน ทีมข่าวได้พบกับนางมินตัตา บุญนันต์ ภรรยาของผู้เสียชีวิต ภรรยาผู้ตายเปิดเผยกับทีมข่าวว่า สามีมีอาชีพหล่อพระ และได้กลับมาบ้านตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หลังจากทราบข่าวตนและครอบครัวก็รู้สึกเสียใจไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ก่อนวันที่จะเดินทางกลับ สามีบอกกับตนว่าถ้ามีเลือกตั้งช่วงเดือนมีนาคม อาจจะไม่ได้กลับมา แต่ถ้างานมีน้อยไม่ค่อยมีงานก็จะกลับมาก่อน ปกติตนก็ทำงานกับสามีตลอด แต่พอคลอดลูกคนแรกตนก็ต้องออกมาเลี้ยงลูก พอลูกโตสักพักก็ว่าจะไป แต่มีลูกแฝด ก็เลยต้องอยู่เลี้ยงลูกต่อ ตนก็มาทราบข่าวเมื่อช่วงตี 4 ว่าสามีของตนตายแล้ว
อีกทั้งเมื่อช่วงกลางดึกของเมื่อคืนหลานน้อยซึ่งเป็นลูกของลูกสาวคนโต ก็ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาตื่นมาถามหาตาๆ ตนก็ไม่ได้เอะใจหรือสังหรณ์ใจใดๆ มีแต่บอกหลานว่าเดี๋ยวตอนเช้าจะโทรหาตาให้คุยกับตา แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้คุยอย่างที่ตั้งใจไว้
ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ห้างหุ้นส่วนจำกัด มนตรีทรัพย์เจริญ ที่ 50 ม.12 ต.ดงบัง อ.ลืออำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ไม่มีใครอยู่ เนื่องจากเจ้าของได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมานี้แล้ว
รถคันดังกล่าวหมายเลขทะเบียน 30-0078 อำนาจเจริญ วันสิ้นอายุภาษี 31 มีนาคม 2566 ลักษณะรถ รถตู้โดยสารไม่ประจำทาง – ชื่อผู้ประกอบการขนส่ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด มนตรีทรัพย์เจริญ ที่อยู่ 50 หมู่ 12 ตำบลดงบัง อำเภอลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ 37000 ใบอนุญาตประกอบการเลขที่ อจ.2/2564 วันสิ้นอายุใบอนุญาต 4 สิงหาคม 2569 ข้อมูลคนขับ พนักงานขับรถ รถตู้โดยสารไม่ประจำทาง คันหมายเลขทะเบียน 30-0078 อำนาจเจริญ โดยมี นายวันชัยเป็นผู้ขับรถ (เสียชีวิต) ได้รับใบอนุญาตผู้ขับรถทุกประเภทชนิดที่ 2 วันที่อนุญาต 4 ธันวาคม 2557 วันที่สิ้นอายุ 20 ธันวาคม 2566 ออกโดยสำนักงานขนส่งจังหวัดอำนาจเจริญ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกันตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ โดยในเบื้องต้นทราบว่าน่าจะเกิดจากที่รถตู้หลังจากพลิกคว่ำแล้วมีน้ำมันรั่วไหลออกมาประกอบกับรถตู้เดินทางมาเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้เกิดความร้อนจนเกิดประกายไฟ จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดไฟลุกท่วมรถตู้คันดังกล่าว
สำหรับรถตู้ที่เกิดเหตุนั้นเป็นรถตู้ที่จดทะเบียนถูกต้องจากกรมขนส่งทางบก และมีจีพีเอสในการวัดความเร็วของรถตู้คันดังกล่าวอยู่เป็นระยะ ซึ่งจากการตรวจสอบจากจีพีเอสพบว่าขณะเกิดเหตุรถตู้คันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วประมาณ 82 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนที่จะเกิดเหตุสลด