ครูสาวดาวติ๊กตอก เจอทัวร์ลง! พานักเรียนไปตัดผมซ้ำจนเกรียน อ้างเป็นหน้าที่เด็ก

ผู้ใช้แอปพลิเคชัน TikTok (ติ๊กตอก) รายหนึ่ง ที่มีอาชีพเป็นครู และมีผู้ติดตามหลักล้านบัญชี เผชิญเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ต หลังจากโพสต์คลิปหนึ่งเมื่อคืนวันพุธ (3 ส.ค.)

ครูรายนี้เล่าในคลิปดังกล่าวว่า ตนพานักเรียนชายกลุ่มหนึ่ง ที่ตัดผมมาแล้ว แต่เป็นทรงรองทรงต่ำ ที่ตนรู้สึกว่ายาวเกินไป ไปตัดซ้ำให้สั้นเกรียน เพราะมองว่าควรทำให้ถูกต้องตามกฎของโรงเรียน

“มันตัดกันมาแล้วนะ แต่ตัดเป็นรองทรงต่ำ แสบมั้ยล่ะ” ผู้โพสต์พูดในคลิป

“ถูกค่ะ การตัดผมเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เมื่อเรามาอยู่ในที่ที่มีกฎ ก็ต้องทำตามกฎ ถูกแมะ”

ผู้โพสต์กล่าวในคลิปต่อไปว่า แม้ทรงผมไม่เกี่ยวข้องกับผลการเรียน แต่เชื่อว่าการตัดผมให้สั้นจะช่วยให้รู้จักหน้าที่ของนักเรียน

“จริงอยู่ที่การตัดผมไม่ได้ทำให้เราเรียนเก่งขึ้น แต่ช่วยฝึกเราให้รู้จักคำว่าหน้าที่หรือเปล่า”

นอกจากนี้ ยังกล่าวต่อไปว่า บางคนมองว่าการตัดผมเป็นเรื่องง่ายๆ ดังนั้นก็ควรมองกลับกันว่าถ้าเป็นเรื่องง่ายๆ ทำไมถึงไม่ทำ และเชื่ออีกว่าการตัดผมทำให้นักเรียนมีระเบียบวินัย

ชาวเน็ตชี้กฎกระทรวงไฟเขียวรองทรง

หลายคนคอมเมนต์ว่าขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการผ่อนคลายเรื่องกฎระเบียบสำหรับนักเรียนชายแล้ว

ขณะเดียวกันก็มีผู้มาแสดงความเห็นว่า ทำไมครูถึงอยากให้นักเรียนทำตามกฎ ทั้งที่ครูก็ไม่ทำตามกฎกระทรวงเรื่องทรงผม ดังนั้นครูคนนี้จึงไม่ควรอยู่ในฐานะมาสั่งให้ใครทำตามกฎได้ อย่างนั้นหรือไม่ และมีผู้ถามกลับว่าครูเองก็ผมยาว ทำไมถึงไม่ตัดบ้าง

ตรีนุชไม่โอเคกล้อนผม

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.สระแก้ว เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ เคยเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเมื่อเดือน พ.ค. ว่า ระเบียบกระทรวงเกี่ยวกับการไว้ทรงผมที่ปรับปรุงเมื่อปี 2563 กำหนดให้นักเรียนชายไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ แต่ผมด้านหลังต้องไม่ยาวเลยตีนผม ขณะที่ด้านหน้าและกลางไว้ยาวตามความเหมาะสมได้

รัฐมนตรีรายนี้ กล่าวในการให้สัมภาาณ์ดังกล่าวอีกว่า กระทรวงศึกษาธิการไม่เห็นด้วยต่อการกล้อนหรือตัดผมนักเรียนเพื่อลงโทษ

ติงครู ทรงผมไม่สร้างวินัย

อีกประเด็นหนึ่งที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทักท้วง คือ การตัดผมสร้างวินัยให้นักเรียนจริงหรือ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรายหนึ่งวิจารณ์ว่า ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ประเทศไทยคงได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีวินัยที่สุดประเทศหนึ่งในโลกไปแล้ว