จับ “พระแม่แห่งจักรวาล” ในบ้านหรู อ้างสื่อสารกับเทพ หลอกขายยาอายุวัฒนะ

จับ “พระแม่แห่งจักรวาล” เจ้าลัทธิ สหพันธ์อาณาจักรสิงโต และสาวกชาวจีนอีกหลายคน อ้างสื่อสารกับเทพได้ ผลิตยาอายุวัฒนะ หวั่นมัวเมานักท่องเที่ยวจีน และคนไทย

วันนี้ ( 29 เม.ย.66 ) เวลา 10.00 น. ที่ ตม.จว.ชลบุรี พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.ชลบุรี, พ.ต.ท.พิระวัตร์ วงศ์สิริเมธีกุล รอง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี แถลงผลการจับกุม นางฮองเลี้ยน ชู สัญชาติจีน อายุ 49 ปี พร้อมชาวจีนรวม 5 คน เช่าบ้านหรูย่านนาจอมเทียน เปิดเป็นสำนักลัทธิเถื่อน รับดูดวง อ้างสื่อสารเทพเจ้าได้ จำหน่ายยาอายุวัฒนะที่ปรุงขึ้นเองโดยไม่ผ่าน อย. มีกลุ่มลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และไทยเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก พบทำมาแล้วกว่า 3 ปี

พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ฯ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ พบผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งมีพฤติการณ์น่าสงสัยในลักษณะเผยแผ่ความเชื่อ มีกลุ่มผู้เลื่อมใสร่วมฟังคำสอนผ่านช่องทางต่างๆ โดยเรียกกลุ่มของตนเองว่า “สหพันธ์อาณาจักรสิงโต” นอกจากนั้นยังมีการสร้างสกุลเงินขึ้นมาใหม่ เปิดการเรียนการสอนให้กับกลุ่มผู้เลื่อมใส ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนจัดกิจกรรมของสมาชิก และการรับบริจาค ซึ่งมีการนำธงขององค์การสหประชาชาติมาใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยการแอบอ้างสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะให้แก่ผู้ศรัทธาเกรงว่าจะเป็นภัยอันตรายต่อสังคม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นจากศาลแขวงพัทยา

ต่อมาวันที่ 28 เม.ย.66 ได้เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ใน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี ตามหมายค้น ศาลแขวงพัทยา จับกุมนางฮองเลี้ยน ชู สัญชาติจีน อายุ 49 ปี นายฉาง เหวน ห่าว สัญชาติไต้หวัน อายุ 60 พร้อมลูกจ้างชาวจีนอีก 3 คน รวม 5 คน ในที่เกิดเหตุพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง โน้ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 1 เครื่อง เอกสารการเช่าบ้าน การชำระรายการทางบัญชีต่างๆ จำนวนมาก จึงได้ยึดไว้ตรวจสอบ

จากการสอบสวน พบว่า นางฮองเลี้ยน ซู เข้ามาด้วยวีซ่าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการ บริษัท เฮฟเว่น ออฟ เฮฟเว่น จำกัด แต่ไม่ได้มีการประกอบกิจการจริง และ นายฉาง เหวน ห่าว เข้ามาด้วยวีซ่าใช้ชีวิตบั้นปลาย และมีชื่อเป็นกรรมการบริษัท เฮฟเว่นฯ แต่ไม่ได้ขอใบอนุญาตทำงาน จึงได้ทำการเพิกถอนวีซ่า บุคคลทั้ง 2 เนื่องจากไม่มีสิทธิอยู่ในราชอาณาจักร และจะต้องลงบัญชีแบลคลิสต์ของ สตม.ไว้ เพื่อไม่ให้สามารถเดินทางกลับเข้ามาไทยได้อีก

 ส่วนลูกจ้างชาวจีนอีก 3 คน พบว่าการอนุญาตในอยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดไปตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 จึงได้จับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาจอมเทียน ดำเนินคดีตามกฎหมาย และผลักดันออกนอกประเทศในภายหลัง

พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ฯ ผบก.ตม.3 กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นนโยบายของท่าน ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในการตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้ชาวต่างชาติมาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการหลอกลวงคนสัญชาติตัวเองและคนไทย ทั้งนี้ ในการตรวจค้นหากพบพยานหลักฐานและปรากฏผู้เสียหายเพิ่มเติมก็จะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป หากพบเบาะแสสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน สตม. 1178 หรือ สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155