“จิราพร” มอง “ประยุทธ์” อยู่ 8 ปีเจรจา FTA ไทย-อียู ไม่เป็นผล

“จิราพร” มอง “ประยุทธ์” อยู่มา 8 ปีเจรจา FTA ไทย-อียู ยังไม่เป็นผล ทำประเทศเสียโอกาส ไล่พ้นตำแหน่งให้คนมีฝีมือมาทำแทน

นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน –สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ว่า แม้ในการประชุมครั้งนี้ ไทยได้ลงนามในกรอบความตกลงความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกกับราชอาณาจักรไทย (Thai-EU Partnership and Cooperation Agreement: Thai-EU PCA) ซึ่งอ้างว่าจะเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การจัดทำ FTA ไทย-สหภาพยุโรป แต่ข้อเท็จจริงคือหากประเทศไทยยังบริหารโดยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ การเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป ไม่มีทางจะสำเร็จได้อย่างที่กล่าวอ้างแน่นอน

นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า ไทยเริ่มเจรจาจัดทำ FTA ไทย-สหภาพยุโรป ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่สหภาพยุโรปขอระงับการเจรจาในปี 2557 เนื่องจากมีการทำรัฐประหารโดยพล.อ.ประยุทธ์ ในขณะที่ประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างสิงคโปร์และเวียดนามที่เริ่มการเจรจาในเวลาใกล้เคียงกับไทยสามารถเจรจาแล้วเสร็จและใช้ประโยชน์จาก FTA เรียบร้อยแล้ว ทำให้ไทยเสียโอกาสมหาศาล แม้ต่อมารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จะใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 สืบทอดอำนาจผ่านการเลือกตั้งที่ประชาชนตั้งข้อกังขามากมาย แต่ได้พิสูจน์ความด้อยประสิทธิภาพของพล.อ.ประยุทธ์ ชัดเจนแล้ว เพราะหลังการเลือกตั้งผ่านไปเกือบ 4 ปี ก็ยังไม่สามารถผลักดันการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป ให้เกิดขึ้นได้

นอกจากนี้แทนที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จะให้ความสำคัญกับการผลักดันการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป อย่างจริงจัง ซึ่งไทยจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากกว่า แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กลับไปทุ่มสรรพกำลังและงบประมาณไปกับความตกลง CPTPP ทั้งๆ ที่ไทยอาจได้ไม่คุ้มเสียและมีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากหลายฝ่าย จนสุดท้ายการเจรจาก็ยังไม่เกิดขึ้น

งการลงนามกรอบข้อตกลง PCA ไม่ใช่เครื่องยืนยันว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะสามารถผลักดันให้เกิด FTA ไทย-สหภาพยุโรป ได้สำเร็จ เพราะวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามือไม่ถึงในเรื่องการค้าระหว่างประเทศ ตั้งแต่แถลงนโยบายในปี 2562 ผ่านมาเกือบ 4 ปี ยังไม่สามารถรื้อฟื้นการเจรจากับสหภาพยุโรปที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ริเริ่มไว้ได้ การทำรัฐประหารของพล.อ.ประยุทธ์ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสมหาศาลในการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในเวทีโลก ต้นทุนที่ประเทศต้องจ่ายให้กับความไร้ประสิทธิภาพของพล.อ.ประยุทธ์สูงเกินกว่าที่จะประเมินได้ จึงควรถอยให้รัฐบาลที่มีฝีมือเข้ามาบริหารประเทศแทน