ตำรวจเผยผู้เสียหายคดีดารุมะพุ่งทะลุ 700 คน จี้สอบประเด็นแชร์ลูกโซ่-เส้นทางเงิน

ผบก.ปคบ. ส่งคดีดารุมะให้ทุกท้องที่ จี้สอบประเด็นแชร์ลูกโซ่ หลังพบผู้เสียหายพุ่งกว่า 700 คน

วันนี้ (24 มิ.ย.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. เปิดเผยความคืบหน้าการขยายผลและการดำเนินคดี ภายหลังจับกุมนายเมธา หรือบอลนี่ เจ้าของกิจการร้านดารุมะ ซูซิ ว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายจากกรณีดารุมะซูชิ แจ้งความทางออนไลน์แล้วประมาณ 700 ราย โดยมีการส่งคดีมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ประมาณ 250 ราย กำลังอยู่ระหว่างประสานกับผู้เสียหายว่าจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่ใด รวมถึงยังมีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความตามท้องที่ต่างๆ อีกจำนวนมาก

ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายกลุ่มที่ซื้อคูปองไปขายต่อเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว 4 ราย ส่วนผู้เสียหายที่ซื้อแฟรนไชส์เข้าให้การแล้ว 7 ราย ขณะที่โอเพนแชท “ผู้เสียหาย ดารุมะ ซูชิ” มีผู้เข้าร่วมแล้วประมาณ 1,800 คน โดยภายในโอเพนแชทดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยประสานข้อมูลกับผู้เสียหายด้วย

อย่างไรก็ตาม ขอฝากถึงประชาชนที่ได้รับความเสียหาย หากสะดวกสามารถเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือสถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุที่สะดวกได้ โดยทาง บก.ปคบ. ได้ทำการส่งประเด็นการสอบสวนไปยังพนักงานสอบสวนท้องที่ต่างๆ แล้วเมื่อวานนี้ (23 มิถุนายน)

ส่วนการแจ้งความออนไลน์ ทางแอดมินจะส่งประเด็นการสอบสวนให้กับพนักงานสอบสวนในแต่ละท้องที่ต่อไป ซึ่งตนได้สั่งการให้มีการสอบปากคำในประเด็นว่าเข้าข่ายความผิดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่หรือไม่

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มีการเรียกประชุมคณะทำงาน โดยมีการกำหนดประเด็นการสอบสวนเพื่อให้มีความรวดเร็วและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีการวางกรอบระยะเวลาให้พนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่รวบรวมคำให้การและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ส่งมายัง บก.ปคบ. ภายในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ เพื่อให้ทันส่งสำนวนไปยังอัยการ

พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวอีกด้วยว่า ขณะนี้ยังคงพบว่ามีผู้ก่อเหตุเพียงรายเดียว คือ นายเมธา ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าไม่ได้ทำการฉ้อโกงประชาชน แต่ต้องปิดกิจการเนื่องจากดำเนินธุรกิจต่อไปไม่ไหว ทาง บก.ปคบ. จึงประสานขอบันทึกรายการเคลื่อนไหวบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาแล้ว เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากพบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปยังบุคคลใด ก็จะเข้าข่ายความผิดตามมูลฐานฟอกเงินต่อไป