ตุรกีช่วย 3 พ่อแม่ลูก รอดชีวิตหลังติดใต้ซากแผ่นดินไหว 296 ชั่วโมง ดื่มฉี่ประทังชีวิต

ตุรกีช่วย 3 พ่อแม่ลูก รอดชีวิตหลังติดใต้ซากแผ่นดินไหว 296 ชั่วโมง ดื่มปัสสาวะประทังชีวิต เศร้า พบร่างไร้วิญญาณของลูกอีก 2 คน 

เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลือ ซาเมียร์ มูฮัมเหม็ด อัคคาร์ วัย 49 ปี และภรรยา รัคดา วัย 40 ปี รวมทั้งบุตรชายวัย 12 ปีของพวกเขา ขณะกำลังขุดซากอพาร์ทเมนท์ที่ถล่มลงมาหลังเกิดแผ่นดินไหวความแรง 7.8 ในเมืองอันตาคยา ทางใต้ของตุรกี เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ตามรายงานของสื่อ Anadolu ของทางการตุรกี

ทั้งสามคนถูกนำตัวออกมาจากซากอาคารเมื่อเวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง 296 ชม. ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที แต่บุตรชายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังพบร่างไร้ชีวิตของเด็กสองคน ซึ่งต่อมามีรายงานว่าเป็นบุตรของสามีภรรยาที่เพิ่งได้รับความช่วยเหลือไปเช่นกัน

ซาเมียร์ มูฮัมเหม็ด อัคคาร์ เล่าเหตุการณ์ให้สื่อตุรกีฟังว่า เขารอดชีวิตมาได้โดยดื่มน้ำปัสสาวะของตัวเองประทังชีวิต และว่าลูก ๆ ของเขาส่งเสียงตอบในช่วง 2-3 วันแรกหลังเกิดเหตุ แต่หลังจากนั้นเสียงของลูก ๆ ก็หายไป

ทั้งนี้ จังหวัดฮาเตย์ที่เมืองอันตาคยาตั้งอยู่นั้น คือหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40,642 คนในตุรกี และ 5,800 คนในซีเรีย

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าการค้นหาผู้รอดชีวิต และผู้เสียชีวิต แผ่นดินไหว 7.8 แม็กนิจูด ในประเทศตุรกีและซีเรีย ว่า สำนักงานจัดการภัยพิบัติ และเหตุฉุกเฉินของตุรกี (AFAD) ยุติปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่ส่วนใหญ่แล้ว ยกเว้น ที่เมืองคาห์รามันมาราส และฮาไต หลังจากนั้นทุกฝ่ายจะหันไปฟื้นฟู ส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัยแทนโดยรายงานล่าสุดถึงจำนวนผู้เสียชีวิต รวมกว่า 47,000 ราย แบ่งเป็น ในตุรกี 41,020 ราย และ ในซีเรียอีกกว่า 5,900 ราย บาดเจ็บกว่า 120,000 คน และสูญหายอีกจำนวนมาก

รายงานระบุ แผ่นดินไหว ได้ทำลาย หรือสร้างความเสียหายให้กับอาคารประมาณ 105,000 หลัง ทำให้หลายหมื่นคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ผู้คนมากกว่า 1.2 ล้านคน ต้องอพยพออกจากเขตภัยพิบัติทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี และมีมากกว่า 1 ล้านคน อาศัยอยู่นอกศูนย์พักพิงชั่วคราวในจังหวัดที่เกิดแผ่นดินไหว รัฐบาลตุรกีเรียกร้องให้เจ้าของอาคารจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประสบภัย