#ทีมเมีย อภิปรายเดือดชัยวุฒิ ประเด็นฝืนศีลธรรม ปมหย่าร้างหลังเป็นรัฐมนตรี

นางสาวชนก จันทาทอง ส.ส. หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายต่อว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฝ่าฝืนศีลธรรมอันดีและผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยการทำร้ายจิตใจของภรรยาตัวเองอย่างแสนสาหัสจนต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า

“ได้ทราบเรื่องของครอบครัวคนที่รักว่าพูดสามีกับภรรยาว่า ‘ชั้นเลือกชีวิตแบบสามคนผัวเมีย เธอรับไม่ได้ก็ออกไป’ และ ผู้หญิงอีกคนก็มีลูกสามีแล้วด้วย ฟังแล้วหดหู่ใจเลย ได้แต่ให้กำลังใจ #ค่านิยมสถาบันครอบครัวที่เปลี่ยนไป”

นางสาวชนก จันทาทอง ส.ส. จ.หนองคาย เขต 2 พรรคเพื่อไทย

เหตุนี้ทำให้ นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่าขอให้อภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวความผิดในการบริหารงานมากกว่าการมุ่งไปที่เรื่องส่วนตัว เพราะเรื่องนี้จะมีมูลหรือไม่ก็ตาม แต่จะกระทบกับหลายคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย

นางสาวชนก กล่าวต่อไปว่า นายชัยวุฒิทราบอยู่แล้วว่าจะมีการอภิปรายในประเด็นการฝ่าฝืนจริยธรรม และนี่คือเรื่องที่ผิดจริยธรรมอันร้ายแรง และตนเองก็เป็นเพื่อนกับภรรยาของนายชัยวุฒิ ซึ่งก็เป็นสมาชิกสภาอันทรงเกียรตินี้ด้วย

นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่าประเด็นนี้จะกระทบกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะลูกๆ หากพูดพาดพิงถึงครอบครัว บุคคลที่สาม และเด็กๆ ที่เป็นบุตรของครอบครัวทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ถ้าเขาโตขึ้นมาแล้วเปิดดูการอภิปรายนี้ และหากเป็นเพื่อนของภรรยานายชัยวุฒิ ต้องคิดว่าเพื่อนจะรู้สึกอย่างไรในสังคม  

นางสาวชนก กล่าวอีกไปอีกว่า ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 76 วรรค 3 กล่าวถึงเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และทำให้รัฐบาลมีการออกประกาศประมวลจริยธรรมทางการเมืองในปี 2564 โดยเฉพาะข้อ 10 ที่มีเนื้อหาสำคัญบางส่วนว่า ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการรักษาขนบธรรมเนียมอันดีงาม, และไม่กระทำการอันมีลักษณะล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศจนทำให้ผู้ถูกกระทำเดือดร้อนเสียหายและกระทบต่อการปฏิบัตหน้าที่ 

นางกรณิศ ประท้วง ไม่ให้เอาเอกสารเรื่องประมวลจริยธรรมที่ทุกคนมีอยู่แล้วมาอ่าน ขอให้เข้าเรื่องว่าเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี ชัยวุฒิ ข้อไหน และต้องไม่พาดพิงคนอื่น   

นางสาวชนกกล่าวต่อว่าจากประมวลจริยธรรมที่กำหนดไว้มีมาตรฐานสูงมาก หากใครมาเป็นข้าราชการการเมืองต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างสูง ซึ่งนายชัยวุฒิได้ครองคู่กับภรรยามาอย่างเนิ่นนานจนมีบุตรด้วยกันและภรรยายังเป็นสมาชิกอันทรงเกียรติด้วย แต่พอได้เป็นนายกรัฐมนตรีกลับมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป กลับเชิดหน้าชูตาหญิงอื่นเยี่ยงและเหนือกว่าภรรยาของตัวเอง ทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัสทุกข์ทรมาน

นางนันทนา สงห์ประชา ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ ประท้วงประธานว่า ต้องให้หยุดการอภิปราย เพราะเรื่องนี้กระทบถึงสถาบันครอบครัว และเสียหาย

นางมนพร เจริญศรี ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ประท้วงประธานว่า การที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาแบบนี้จะได้เป็นแบบอย่างที่จะไม่โดนผู้ชายปฏิบัติตัวแบบนี้ และเป็นแบบอย่างให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สรรหาคนแบบนี้มาดำรงตำแหน่งไม่เหมาะสม

นางกรณิศ ประท้วงอีกว่า ผลการกระทำที่จะทำในวันนี้กับครอบครัวของรัฐมนตรีที่จะกลายเป็นตราบาปกับเด็กและภรรยา และถามว่าการใช้ภาพประกอบได้รับอนุญาตแล้วหรือยัง?

นางสาวชนก ชี้แจงต่อว่า ตราบาปที่เพื่อนสมาชิกกล่าวอ้าง ตนไม่ได้เป็นคนทำ และจากพฤติกรรมของนายชัยวุฒิทั้งหมดที่กล่าวมา เชิดหน้าชูตาหญิงอื่นเยียงภรรยาตัวเอง และทำร้ายจิตใจ จนเกิดการหย่าร้าง พร้อมจบด้วยบทกลอนว่า “อันตัณหาราคะนั้น แสนสาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ ฉันให้ผอง อุตส่าห์เรียนวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกียวกวน”

นายชัยวุฒิ กล่าวชี้แจงว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ลุกขึ้นมาประท้วง แต่ตนไม่ต้องการปิดกั้น รูปต่างๆ ที่นำมาเปิดจะเปิดก็เปิดเถอะ ไม่มีอะไร ตนไม่มีอะไรต้องกลัว การอภิปรายเรื่องต่ำๆ ทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกมามันก็ต่ำ แล้วนำเรื่องแบบนี้มาพูดในสภาอันทรงเกียรติ ผู้อภิปรายไปฟังคนนู่นคนนี่ที่ไม่หวังดีนำข้อมูลมาให้ แล้วเอามามโน ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วไม่มีมูล การพูดเช่นนี้ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย คุณไม่รู้จักผมก็อย่ามาพูดเรื่องส่วนตัวของผม

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า บุคคลที่ถูกพาดพิงทั้งหมดคือคนที่เข้ามาช่วยตนทำงาน มีความรู้ ประสบการณ์ เชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน ซึ่งหลายคนก็มาช่วยด้วยใจไม่ได้รับเงินเดือน การมาช่วยงานราชการเพื่อทำให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้น ก็สามารถทำได้ ไม่ได้ผิดอะไรในกฎหมายรัฐธรรมนูณ ถ้าหากเกิดการโกงขึ้น ค่อยมาพูดกัน แต่นี่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็เอามาพูดเป็นตุเป็นตะ

ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกเอามาพูดถึง ก็เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง และการจัดซื้อดังกล่าวก็สิ้นสุดลงไปแล้ว แต่ตนจะไปตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง และจะมารายงานพวกท่านต่อไป

ด้าน น.ส.ชนก กล่าวโต้ทิ้งท้ายว่า หากบริสุทธิ์ใจจริงแล้วหย่าทำไม

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายวันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส. ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒิ ว่ามี “บัดดี้” ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.1 ที่เป็นเจ้าของบริษัทไอทีแห่งหนึ่ง และถูกแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี และเป็นคณะกรรมการกำกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอำนาจอนุมัติการใช้จ่ายของสำนักงาน เช่น งานประชาสัมพันธ์กฎหมาย PDPA งบประมาณ 220 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีกรณีการล็อกสเปคศูนย์ดิจิทัลชุมชน 250 ศูนย์ในปี 2563 สัญญา 1 ปี วงเงิน 277 ล้านบาท แต่กลับแล้วเสร็จจริงๆ แค่ 2 ศูนย์ และในปี 2564 อนุมัตตั้งศูนย์อีก 500 ศูนย์ งบประมาณ 500 กว่าล้านบาท แต่ปรากฎว่ารอบแรกกับรอบสองคือที่เดียวกัน แทนที่เราควรจะมีศูนย์ดิจิทัล 750 ศูนย์ เหลือแค่ 500 ศูนย์ และใช้เวลาเปิดประมูลเพียงแค่ 15 วัน ซึ่งทำให้มีแต่ผู้รับเหมาเก่าเข้ามาร่วมประมูล ซึ่งถือเป็นการใช้เกณฑ์การประมูลที่แปลกประหลาด