ประวิตรโพสต์ ตั้งรัฐบาลไม่ใช่แค่ได้เสียงข้างมาก ลั่นมีเจรจา-เหตุผลเฉพาะหน้า

แฟนเพจของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของ พล.อ.ประวิตร เมื่อวันพุธ (19 เม.ย.) ว่าการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง 2566 นี้มีความซับซ้อน มากกว่าแค่ได้รับเสียงข้างมากหรือฉันทามติจากประชาชน

พล.อ.ประวิตร ให้ความเห็นว่า ในทางปฏิบัติแล้วจะต้องพิจารณาถึง ความชอบธรรมของพรรคการเมืองที่ได้ ส.ส. มากที่สุด,  พรรคที่ชนะการเลือกตั้งตอบสนองความต้องการของพรรคการเมืองอื่นได้มากน้อยแค่ไหน และอำนาจอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ในกลไกตามรัฐธรรมนูญ

“หลายเรื่องที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจเป็นเงื่อนไขที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ คนที่มีประสบการณ์การเมืองจะรู้ว่า ในการจัดตั้งรัฐบาลทุกครั้งที่ผ่านมา ล้วนมีเรื่องราวที่แปรเปลี่ยนไปไม่เคยเป็นไปอย่างที่ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงทั้งนั้น”

“มีข้อมูลที่จะพูดถึงการปรับเปลี่ยนของพรรคเพื่อเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมากที่สุดเสมอ”

โพสต์นี้ยกตัวอย่างถึงการเลือกตั้งปี 2562 ด้วย ที่พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่สุดท้ายกลับไม่ทำตามนั้น จนทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค

อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ การที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยให้สมาชิกวุฒิสภาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายกลับไม่ตามที่กล่าวไว้เช่นกัน

แม้แต่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐที่ขณะนี้ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทยแล้ว ว่าขณะนั้นกล่าวว่าจะไม่รับตำแหน่งใดๆ แต่หลังเลือกตั้งแล้วกลับรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

“ไม่ใช่เรื่องผิดหรือแปลกประหลาดอะไร อย่างที่บอกว่า หากมีประสบการณ์การเมืองมายาวนานเพียงพอจะรู้ว่า ‘นี่คือความปกติของการเมืองไทย’ แม้ว่าสื่อและสังคมไทยจะไม่ยอมรับก็ตาม”

“จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรอขั้นตอนที่เหมาะสม การตัดสินใจประกาศว่าจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้เป็นที่รู้กันว่านั่นเป็นแค่การหาเสียง ที่เป็นจริงคือการเจรจาด้วยเหตุผลเฉพาะหน้า ทุกคนในพรรคต้องร่วมกันประเมินอย่างรอบคอบ แล้วดำเนินการตามที่เรียกว่า ‘มติพรรค'”

“ไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมาประกาศตัดสิน จะไม่เป็นเช่นนั้น”

ช่วงท้ายโพสต์ มีข้อความระบุว่า สิ่งที่แน่นอนก็คือพรรคพลังประชารัฐตัดสินใจทุกเรื่องด้วยเหตุผลเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะพาประเทศไปสู่โอกาสแห่งความสุขให้ประชาชนอย่างเทียม ทั้งยังเชื่อมั่นว่าพรรคพลังประชารัฐจะ “ตั้งรัฐบาล” ที่เป็นความหวังของประเทศอย่างดีที่สุดได้