ฟังแล้วน้ำตาซึม คลิปสาวป่วยเป็นโรคร้าย วอนวัดเผาศพให้ฟรี ไม่อยากให้ลูกมีหนี้สิน

คลิปบีบหัวใจ สาวป่วยเป็นโรคร้ายร่ำไห้ ขอคำสัญญาจากเจ้าอาวาส หากเสียชีวิต ช่วยมารับศพไปเผาให้ฟรี

จากกรณีเพจวัดราษฎร์ประคองธรรม ได้โพสต์คลิปวิดีโอบทสนทนากับหญิงสาวรายหนึ่งที่โทรเข้ามาขอความเมตตาให้ช่วยทำศพให้ในยามเสียชีวิต โดยระบุว่า “#ฟังแล้วน้ำตาซึม #ช่วยทำศพให้หนูค่ะ มีผู้ป่วยจากโรคร้าย โทรมาขอคำสัญญา ว่าถ้าตัวเขาเสียชีวิตไป ขอให้หลวงพ่อมาช่วยรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดราษฎร์ประคองธรรม

เพราะไม่มีเงิน และไม่อยากให้ครอบครัวต้องเป็นหนี้สิน ด้วยความลำบากของชีวิต บางวันก็มีแรงออกไปรับจ้าง วันไหนไม่ไหวก็ต้องล้มตัวลงนอน เป็นห่วงแต่ลูกๆ ที่จะต้องรับใช้หนี้ของงานศพแม่ โชคชะตาช่างโหดร้าย กับครอบครัวนี้เหลือเกิน #วัดราษฎร์ประคองธรรม ขอสัญญาว่าถ้าวันนั้นมาถึงทางวัดจะไปช่วยเหลือทันที

นี่คือโครงการบ้านหลังสุดท้ายที่ญาติโยมได้ร่วมกันสร้างมา เข้า 8 ปีแล้วที่พวกเราได้ร่วมช่วยเหลือผู้เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ศพ แม้ในบางครั้งก็มีปัจจัยไม่พอในการช่วยเหลือ ก็ต้องขอให้คุณโยมให้ช่วยบ้าง แต่ถ้าทางวัดพอมีก็ไม่รบกวน

ขอให้ญาติโยมทุกท่านจงช่วยประคับประคองโครงการบ้านหลังสุดท้าย ของวัดราษฎร์ประคองธรรม ให้ยืนยงและอยู่เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ลำบากในวันสุดท้ายของชีวิต ขอเจริญพรขอบคุณทุกท่าน

พระครูกิตติวิริยาภรณ์ ดร. เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ #วัดราษฎร์ประคองธรรม #มูลนิธิสยามนนทบุรี #โครงการบ้านหลังสุดท้าย กองทุนค่าทำศพ ค่าน้ำมัน ค่าโลงศพ หากท่านพอช่วยได้ ก็สามารถร่วมบุญผ่านทางบัญชีเติมบุญของวัดราษฎร์ประคองธรรม 020 156 779 041 ธนาคารออมสิน”

ล่าสุด วานนี้ (12 ก.พ.) เมื่อเวลา 22.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดราษฎร์ประคองธรรม ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว พบ พระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดราษฏร์ประคองธรรม เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า อาจารย์ทำโครงการบ้านหลังสุดท้ายมาตั้งแต่ปี 54 ช่วยเหลือสงเคราะห์ศพไร้ญาติ ศพไร้ทรัพย์ ทำมาตลอด

โยมโทรมาเราจะส่งลูกศิษย์คือไวยาวัจกรวัดไปปฏิบัติ เรามีมูลนิธิสยามนนท์ทำด้วยกันมา มาหนักช่วงปี 64-65 บุคลากรของวัดมี 2 ชุด ชุดนึงดูแลผู้ป่วยติดเตียง อีกชุดรับ-ส่งศพ รับศพมาเผาที่วัด กรณีตายที่บ้าน เราจะไปรับที่บ้านมา

กรณีตายที่โรงพยาบาลเราก็จะไปรับศพมาเผาที่วัดเราโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย มีโลง ผ้าห่อศพ น้ำมันเผาศพที่ญาติโยมได้ร่วมบริจาคให้กับทางวัดแล้ว ทางวัดมีความช่วยเหลือมาโดยตลอดส่วนมากคนจะมาขอข้าวสารอาหารแห้ง

อาจารย์จะเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงตลอดทั้งปี หากไม่ไปเยี่ยมเองก็ให้รพ.สต.ไป หรือให้อสม.ไปเยี่ยม และไวยาวัจกรวัดไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยพิการ ทางวัดอยากได้ข้าวสารเพราะที่วัดมีคนมาขอข้าวสารไปทานตลอด ทางวัดจะแจกข้าวสารเป็นที่รู้กัน ใครไม่มีข้าวสารมาขอได้ที่วัดราษฎร์ประคองธรรมได้เลย มาแล้วต้องได้ติดมือไป

มีโยมคนนึงบ้านอยู่ จ.สมุทรปราการ โทรมาเบอร์ของวัดเป็นเบอร์ลูกศิษย์คนขับรถ กับไวยาวัจกรของวัดเป็นผู้ประสานงาน เขาโทรมาบอกว่าไม่ไหวแล้ว เขามีอาชีพกวาดถนนลำบากต้องเช่าบ้านอยู่ ตอนนี้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ขอฝากกับอาจารย์ว่าถ้าเกิดเขาตาย ขอให้มูลนิธิสยามนนท์กับวัดราษฎร์ประคองธรรมไปรับเขามาเผาที่วัดได้ไหม มาทำพิธีทางพุทธศาสนา ทางวัดจะสวดและเผาให้ได้มั้ย

อาจารย์บอกว่าได้เพราะเราทำมาตลอดอยู่แล้ว บ้านเขาจน เขาไม่อยากให้สามี ลูก ต้องไปเป็นหนี้สิน เพราะทุกที่มีค่าใช้จ่าย อาจารย์ฟังเขาพูดแล้วน้ำตาจะไหลเลย คนเราเขาสั่งเสียไว้เพราะกำลังจะตาย ขอร้องให้เราไปช่วย เขาลำบากตอนนี้ อาจารย์ตั้งใจว่าวันนี้จะไปเยี่ยมแต่เขาบอกอย่าเพิ่งมาวันนี้ไม่ไหว ขอให้ร่างกายดีกว่านี้ก่อนค่อยไปเยี่ยม

ด้าน นายไพรัช สุดธูป ไวยาวัจกรวัดราษฎร์ประคองธรรม กล่าวว่า ตนเป็นคนโทรกลับไปหาหญิงสาวคนดังกล่าว เพราะเขาโทรเข้ามาเป็นเบอร์ของเจ้าหน้าที่อีกคนที่ขับรถอยู่ปกติจะเป็นคนรับเรื่องแต่วันนั้นเขาขับรถเลยให้ตนประสานงานแทน

และตนก็โทรไปตามคลิปเสียงที่ว่า “สวัสดีครับ วัดราษฎร์ประคองธรรม มีอะไรให้เราช่วยมั้ยครับ” ประโยคนี้เป็นประโยคที่ตนจะพูดตลอดเมื่อรับสายเพราะส่วนใหญ่คนที่โทรเข้ามาเขาต้องการความช่วยเหลือ ตนจะถามแบบนี้ทุกครั้งเป็นปกติเลย สิ่งที่สำคัญคือมันไม่ได้เมคขึ้นมา เป็นการโทรทุกวันเวลามีการขอความช่วยเหลือ

ตามในคลิปพี่ผู้หญิงเขาถามว่าถ้าเขาเสียชีวิตลงทางวัดจะช่วยเขาได้มั้ย จะไปรับศพและมาทำพิธีได้มั้ย เพราะเขาเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ห่วงสามีและลูกจะต้องเป็นหนี้ในการทำศพให้เขา ตนฟังแล้วอึ้ง ทั้งที่ทำเรื่องนี้มาตลอดหลายปี แต่ฟังเสียงเคสนี้แล้วมันเข้าไปในหัวใจเหมือนที่ทุกคนฟัง

ตนบอกว่าไม่ต้องกลัว ไม่ต้องห่วง เขาห่วงในเรื่องญาติต้องเดินทาง ตนบอกไม่ต้องห่วงจะจัดรถไปรับและส่งญาติกลับบ้าน ให้พี่ผู้หญิงเขาสบายใจไม่ต้องเสียเงินในการทำศพ น้ำเสียงที่เขาพูดจริงๆ มันเหมือนเสียงกำแพงถล่ม กำแพงที่เขากั้นไว้ระหว่างเขากับโลกภายนอก ซึ่งเขามองว่าข้างหน้าเขาคือกำแพง

แต่พอตนพูดว่า “ผมสัญญา” เหมือนกำแพงมันพังลง และเขาได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง ที่วัดราษฎร์ประคองธรรมและพระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดท่านใจดีและรับช่วยเหลือเหมือนทุกเคส เคสนี้หลวงพ่อท่านฟังเสียงแล้วมันเสียงคนก่อนตาย มันสะเทือนใจมาก เขาเป็นโรคร้ายซึ่งตนไม่ถามเขามาก แต่เขาน่าจะรู้ตัวดีว่าเป็นโรคอะไร

ตนคุยกับเขาแล้วพลังเขาน้อย น่าจะใช้คำพูดได้อีกแค่ไม่กี่ครั้งก่อนวันที่เขาจะไป พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจะจัดปัจจัยไปช่วยบางส่วน และเรื่องของข้าวปลาอาหารแห้ง ของใช้จำเป็นที่ต้องใช้ พี่ผู้หญิงเขาเล่าว่าถ้าวันไหนมีแรงจะออกไปรับจ้างทำงาน วันไหนไม่มีแรงต้องกลับมานอน เขาเห็นความลำบากครอบครัวต้องกินใช้จ่ายอย่างไรในแต่ละวัน

ตนสงสารเขาจะติดต่อเขาไปและนำความช่วยเหลือจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระครูกิตติวิริยาภรณ์ เอาไปมอบให้เขา ซึ่งเราได้น้ำใจมากับญาติโยมที่ร่วมบุญกับโครงการบ้านหลังสุดท้ายวัดราษฎร์ประคองธรรม เรารวมตรงนี้เอาน้ำใจใส่ถุงไปช่วยเขา ทางหลวงพ่อได้เมตตาเรื่องข้าวปลาอาหาร ปัจจัย 4 เห็นว่าวัดขาดข้าวสาร

ส่วนในโครงการบ้านหลังสุดท้ายยังขาดในเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงไปเผาศพ ทางวัดยังนำปัจจัยของวัดรวมไปซื้อน้ำในมาเผาศพก่อน วันนี้มีเคสหนักหลายเคสใช้น้ำมันเยอะทุกวัน ต้องจัดซื้อเข้ามา

คนที่ต้องการขอความช่วยเหลือให้เข้ามาที่เพจเฟซบุ๊ก ค้นหาวัดราษฎร์ประคองธรรม หน้าเพจจะมีเบอร์โทรศัพท์อยู่ของเจ้าหน้าที่อีกท่าน และเบอร์ของตน สามารถโทรประสานงานได้เลยว่าต้องการความช่วยเหลืออย่างไร