รวบยกแก๊ง อดีตพระอาจารย์คม ปมยักยอกเงินวัด 180 ล้าน เปิดคำให้การอึ้งกว่าเดิม

กองปราบแถลงผลจับ อดีตพระอาจารย์คม-เจ้าอาวาส-น้องสาว ปมยักยอกเงินวัดกว่า 180 ล้านบาท ด้าน พศ. เผยรับสารภาพอดีตพระทั้งสอง

จากกรณีที่เจ้าคณะตำบลปากช่อง (ธรรมยุต) มีคำสั่งที่ 1/2566 สั่งการให้เจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณวราราม​ ดำรงตำแหน่ง​ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นับตั้งแต่วันที่​ 3 พฤษภาคม 2566​ เป็นต้นไป

กอปรกับในวันเดียวกัน รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี​ลงนามในคำสั่งวัดป่าธรรมคีรี ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจทรัพย์สินของวัดป่าธรรมคีรี

จนทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยว่า พระวชิรญาณโกศล (คม อภิวโร) หรือ พระอาจารย์คม ประธานฝ่ายสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี พระวิทยากรหนุ่มผู้บรรยายการเจริญจิตตภาวนาชื่อดัง หายไปไหน

จนมีรายงานข่าวว่า พระอาจารย์คมได้รับกิจนิมนต์เข้ามาในกรุงเทพและได้ถูกขอให้ลาสิกขาหรือสึกแล้ว โดยได้มีการทำพิธีสึกที่วัดในกรุงเทพ ก่อนที่จะหายตัวไปในทันที เช่นเดียวกับพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ที่หายไปพร้อมกับพระอาจารย์คม

ล่าสุด วันนี้ (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม นำโดย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. และนายอินทพร จั่นเอี่ยม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลงข่าวจับกุม นายคม หรือ อดีตพระอาจารย์คม อดีตประธานฝ่ายสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี, นายวุฒิมา หรือ อดีตพระหมอ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และ น.ส.จุฑาทิพย์ น้องสาวของนายคม 3 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติไม่ชอบกลาง ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ในคดียักยอกเงินวัดกว่า 180 ล้านบาท

โดย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. กล่าวว่า ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับร้องเรียนว่า นายคมและนายวุฒิมามีพฤติการณ์เสพเมถุนและยักยอกทรัพย์ภายในวัดป่าธรรมคีรี จึงได้ร่วมกับทางตำรวจปราบปรามเข้าทำการตรวจสอบ พบว่าอดีตพระทั้งสองมีพฤติการณ์ตามที่ได้แจ้งจริง จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับและเข้าจับกุมในวันนี้ โดยนายคมจับกุมได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่วนนายวุฒิมาจับกุมได้ที่ จ.นครราชสีมา

จากการตรวจสอบ พบว่า นายคมกับนายวุฒิมาได้ร่วมกันวางแผนยักยอกเงินวัด ซึ่งในระหว่างครองสมณเพศ นายคม เป็นพระผู้ดูแลการใช้จ่ายเงินต่าง ๆ ของวัด รวมทั้งดูแลจัดการเงินที่ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธานำมาร่วมทำบุญกับวัด โดยนายคมกับนายวุฒิมา ร่วมกันนำเงินของวัดออกมาใช้ อ้างว่าเป็นการเบิกเงินมาใช้จ่ายภายในวัด แต่ทว่าได้นำเงินวัดไปใช้จ่ายส่วนตัวและนำเงินสดไปเก็บรักษาไว้ในบ้านพักของ น.ส.จุฑาทิพย์ น้องสาวนายคม ย่านนนทบุรี ทำให้ต่อมา ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นบ้านและจับกุม น.ส.จุฑาทิพย์ ที่บ้านพัก โดยจากค้นบ้านพบเงินสดมูลค่า 51 ล้านบาท ถูกเก็บไว้ในลังโฟมและกระเป๋าเดินทาง อีกทั้งยังพบเงินในบัญชีธนาคารอีกกว่า 130 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 180 ล้านบาท

ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจึงถูกแจ้งข้อหาดังต่อไปนี้

  • นายคม ถูกแจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา 157
  • นายวุฒิมา ถูกแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา 157
  • น.ส.จุฑาทิพย์ ถูกแจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์, ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา 157 และข้อหารับของโจร

ส่วนพฤติการณ์เรื่องการเสพเมถุนนั้น นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ระบุว่า อดีตพระทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ในระหว่างที่ถือสมณเพศได้ร่วมเสพเมถุนรักร่วมเพศกันจริง ซึ่งถือว่าเป็นการอาบัติปาราชิกขัดต่อพระธรรมวินัย จึงทำให้อดีตพระทั้งสองดำเนินการลาสิกขาบทไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนจะมีพระรูปอื่นร่วมขบวนการยักยอกเงินวัดอีกหรือไม่นั้น อยู่ในระหว่างการตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3

ทั้งนี้ ยังได้นำของกลาง คือกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ กระเป๋าอลูมิเนียม 2 ใบ และลังโฟมอีก 2 ลังซึ่งภายใน บรรจุธนบัตรราคาต่าง ๆ รวมมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท กับสมุดบัญชีธนาคารอีก 5 เล่ม ที่สามารถตรวจยึดได้มาจัดแสดงประกอบการแถลงข่าว