ลุงแท็กซี่วัย 68 ปี เล่านาทีถูกมาเฟียคุมวิน ลากลงมากระทืบจนสลบ แจ้งความไปก็เงียบ

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 65 ที่ ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 นายกิตติ อายุ 68 ปี ลุงขับแท็กซี่ เดินทางเข้ามาร้องทุกข์ หลังเข้าไปรับผู้โดยสารที่สถานีบีทีเอสคูคต โดนมาเฟียคุมวินลากลงมากระทืบจนสลบ แจ้งความคดีไม่คืบ

นายกิตติ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 65 เวลาประมาณ 21.50 น. บริเวณทางลงบีทีเอสสถานีคูคต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ช่วงนั้นฝนตกหนัก ผู้โดยสารยืนรอรถแท็กซี่อยู่ ตรงนี้มีแท็กซี่อยู่ 1 คัน ตนเลยขับเข้าไปจอดรับผู้โดยสารเป็นคันที่ 2 และมีแท็กซี่อีกคันขับมาจอดเป็นคันที่ 3 จากนั้นผู้ก่อเหตุ 2-3 คน ทำตัวเป็นเจ้าถิ่น เดินมาไล่แท็กซี่ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ ทำให้แท็กซี่คันที่ 3 กลัวขับออกไป แต่ตนไม่สนใจเลยจอดรอ ผู้ก่อเหตุเดินมาเคาะกระจก บอกว่า “กูให้มึงเที่ยวเดียวนะ อย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก” พอตนถามว่า “ทำไมถึงรับผู้โดยสารไม่ได้”

หลังจากนั้น ผู้ก่อเหตุต่อยหน้าหลายครั้ง และเปิดประตูรถลากลงมา รุมกระทืบซ้ำจนสลบอยู่ข้างแท็กซี่ ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย พอตื่นขึ้นมาก็ขับรถไปแจ้งความที่ สภ.คูคต และรีบไป รพ.ภูมิพลอดุลยเดช บริเวณขมับด้านซ้ายแตกต้องเย็บ 13 เข็ม ใบหน้าและตามร่างกายบวมช้ำ พอกลับถึงบ้านก็รีบเอาเสื้อเปื้อนเลือดทิ้งขยะ ไม่อยากให้ลูกๆเห็น พอผ่านไป 7 วัน ไม่มีความคืบหน้าทางคดี จึงเข้ามาร้องเพจสายไหมต้องรอด

นายกิตติ กล่าวอีกว่า เมื่อเดือน เม.ย. 65 ตนเคยไปจอดรับผู้โดยสาร ตรงจุดเกิดเหตุแล้ว 1 ครั้ง ก็ได้เจอผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาบอกว่า “คุณรู้ไหมที่นี่เป็นที่ทำมาหากิน ขับแท็กซี่ต้องมีเซ้นส์” แต่ตอนนั้นตนก็ขับออกไป ไม่กล้าจอดรับผู้โดยสาร ซึ่งกลุ่มแท็กซี่ที่จอดตรงนั้น ต้องจ่ายค่าสติ๊กเกอร์ 100 บาท และถ้ามาจอดรับผู้โดยสาร 15 วัน ต้องจ่ายอีก 200 บาท หรือ ถ้ามาจอดเต็มเดือน ต้องจ่าย 400 บาท ตนมองทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะ

“ไม่มีอะไรอยากจะบอก คนพวกนี้ไม่มีจิตสำนึก ไม่มีการอบรมสั่งสอน สถานะจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ถูกบ่มมาด้วยความชั่ว และไม่ต้องการคำขอโทษ อยากให้รัฐบาลลงมาแก้ปัญหา” นายกิตติ กล่าวปิดท้าย

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.ธนกฤต บุญเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี โดยตำรวจจะเร่งติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

ต่อมา พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.คูคต ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย พยาน และส่งตัวผู้บาดเจ็บไปตรวจร่างกายเพื่อนำผลการตรวจจากแพทย์มาประกอบสำนวนการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเร่งพิสูจน์ทราบถึงตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุที่รุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบถึงกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุเบื้องต้นแล้วเป็นชายจำนวน 2 ราย และจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

รองโฆษกตร. กล่าวว่า ที่ผ่านมาในทุกพื้นที่ ทุกกองบัญชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มี การจัดระเบียบรถบริการสาธารณะต่างๆ เพื่อให้ปฎิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมิติการป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย หากเกิดเหตุต้องเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน พร้อมขอฝากเตือนผู้ให้บริการรถสาธารณะประเภทต่างๆ ควรมีจิตสาธารณะ เอื้อเฟื้อ เห็นอกเห็นใจผู้ขับขี่รถบริการด้วยกัน รวมถึงปฎิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อย่าประพฤติตัวก่อให้เกิดปัญหาแก่สังคม