ลูกฟ้อง “ลุงนอนกับแม่” พ่อรีบกลับมาจับโป๊ะ เห็นจูบคาตา เรียกกันผัวเมีย แต่ชู้ไม่ใช่ “ลุง”

“ลุงมานอนกับแม่ที่บ้าน” ลูกบอกซื่อๆ พ่อรีบกลับบ้านมาจับโป๊ะ เจอสารพัดหลักฐานใจสลาย คลิปกอดจูบ เรียกกันผัว-เมีย แต่ชู้ไม่ใช่ผู้ชาย!!

เว็บไซต์ mirrormedia รายงานกรณี นักธุรกิจชาวไต้หวัน ในเทศมณฑลเหมียวลี่ ได้รับเรื่องแปลกใจระหว่างวีดีโอคอลคุยกับลูกชายคนสุดท้อง ที่เปิดเผยว่า “มีลุงมานอนกับแม่ที่บ้าน” เขาจึงรีบกลับมาที่่บ้านก่อนพบความจริงทำใจสลาย ยื่นฟ้องหย่าต่อศาลแขวงเหมียวลี่ทันที

ตามรายงาน ผู้พิพากษาชี้ว่า นักธุรกิจชื่อ “ซี” (นามสมมุติ) มีลูกชายกับภรรยาหลังแต่งงาน เขาทำงานที่จีนแผ่นดินใหญ่ และจ่ายเงินให้ครอบครัวเดือนละ 80,000 หยวน (ประมาณ 420,000 บาท) โดยเชื่อว่าตนเองดูแลครอบครัวให้อยู่ดีกินดีที่สุด กระทั่งได้ฟังจากปากลูกชายว่า “มีลุงมานอนกับแม่ที่บ้าน”

เนื่องจากนายซีมีแม่ที่อายุมากแล้ว เขาจึงติดตั้งกล้องไว้ในห้องของแม่และห้องนั่งเล่น เมื่อได้ฟังเรื่องจากปากลูกชาย เขาจึงตรวจสอบวิดีโอที่ถูกบันทึกไว้โดยกล้องดังกล่าว และพบภาพภรรยาของเขาและบุคคลปริศนากำลังจูบและกอดกันอยู่ในห้องนั่งเล่น นายซีตัดสินใจกลับมาที่ไต้หวันเงียบๆ เพื่อจับให้ได้แบบคาหนังคาเขา

เมื่อเช็กกล้องในรถยนต์ พบว่ามีเสียงการสนทนาของคน 2 คน กำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เรียกแทนกันว่าผัวและเมียในรถ และที่เกินความคาดหมายไปกว่านั้นคือ บุคคลที่ลูกชายบอกว่าเรียกว่า “ลุง” ซึ่งหลับนอนกับภรรยาของเขาในบ้าน แท้จริงแล้วเป็นผู้หญิง โดยคาดว่าลูกชายน่าจะเข้าใจผิดเนื่องจากการแต่งกายของเธฮ

ทางด้านภรรยาของนายซี ให้เหตุผลกับพฤติกรรมของเธอโดยบอกว่า ทั้งคู่เป็นผู้หญิง ซึ่งพบกันในเกมออนไลน์และกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน และเนื่องจากสามีของเธออยู่ห่างไกลในประเทศจีน อีกทั้งเธอยังต้องพาแม่สามีไปอาศัยด้วยโดยที่ไม่เต็มใจ และสามียังปล่อยให้เธอต้องดูแลลูกตามลำพัง ทั้งหมดนั้นทำให้เธอตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก จากภาระการดูแลผู้สูงอายุและเด็ก ดังนั้น เพื่อนคนนี้ของเธอจึงมาที่บ้านเพื่อช่วยดูแลลูกๆ

ส่วนหลักฐานของสามีว่าทั้งสองกำลังจูบกันอย่างใกล้ชิด และสนทนากันอย่างสนิทสนม ภรรยาซียังบอกอีกว่า “เป็นแค่เรื่องตลกระหว่างเพื่อนสนิทผู้หญิง” โดยยืนยันว่าทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ที่ผิดกฎหมาย และตนเองไม่เคยกระทำผิดต่อคู่สมรส

อย่างไรก็ตาม ตุลาการของศาลแขวงเหมียวลี่ชี้ว่า แม้ว่าจะเป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของบุคคลเพศเดียวกัน ก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิของคู่สมรสด้วย และเมื่อพิจารณาถึงสภาพสังคมทั่วไปแล้ว ประกอบกับหลักฐานที่ได้รับมา พบว่าคำพูดและการกระทำของภรรยานายซี และผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นเพียงเพื่อนนั้น เกินมารยาททางสังคมปกติระหว่างเพื่อนทั่วไปที่เป็นเพศเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด

สุดท้าย ผู้พิพากษาจึงตัดสินให้ภรรยาของนายซี จ่ายเงินจำนวน 200,000 หยวน (ประมาณ 1,050,000) เพื่อชดเชยให้กับนายซี อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้