ลูกสาวสุดกลั้น พ่อป่วยติดเตียง ต้องมารอโอนบ้าน 3 ชม. จนหมดสติต้องหามส่ง รพ.

วันนี้ (29 ก.ค. 65) ในโลกออนไลน์มีการแชร์โพสต์ของลูกสาว ที่โพสต์ภาพคุณพ่อ หมดสติบนรถวีลแชร์ต้องหามส่งโรงพยาบาลฉุกเฉิน หลังต้องมารอโอนกรรมสิทธิ์บ้านนาน 3 ชั่วโมง ทั้งที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ ระบบราชการไทย ทำไมถึงไม่ช่วยเหลือประชาชนเลย โดยเฉพาะคนป่วย คนพิการ  

โดยระบุข้อความว่า

“ขอบคุณพี่ๆมูลนิธิทุกท่านนะคะที่เข้ามาช่วยเหลือ ขอพูดในฐานะลูกคนนึง ที่พ่อเป็นอัมพฤกษ์ และต้องมองพ่อตัวเองอาการหนักแบบนี้ มันเกิดมาจากการทำงานที่แย่ของข้าราชการ เห็นอยู่เต็มตาว่าคนพิการ เราต้องพาคุณพ่อมากรมที่ดินมาโอนบ้าน แค่มาเซ็นเอง ขอให้เจ้าหน้าที่ไปทำที่บ้านก็ไม่ยอม ต้องพาแกออกมาเราก็ยอมแล้ว มาถึงแทนที่จะช่วยกันทำให้เร็วๆหน่อย ดูก็รู้ว่าแกนั่งไม่ไหว ให้คนพิการนั่งรอ 3-4 ชั่วโมง ไม่รู้เลยจริงๆ ว่า จิตใจพวกเขาทำด้วยอะไร ถึงไม่เห็นใจกันบ้าง

จนสุดท้ายพ่อเราต้องมาเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉิน เพราะแกไอจนเหนื่อย แกรอข้างนอก อากาศ 33 องศานะ ใครจะไปไหว เราทำอะไรไม่ได้เลย แค่มันเจ็บใจจริงๆ ที่แกต้องมาโรงพยาบาลแบบนี้ เพราะระบบข้าราชการที่ไม่เอื้ออำนวยให้คนพิการเลย คนที่เข้ามาช่วยเหลือ ขอขอบคุณมากจริงๆค่ะ แต่ใครที่ใจร้าย ทำให้ต้องรอคิวกันนานขนาดนี้ เราก็ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะบอกเขาว่าอะไร เพราะถ้าเป็นพ่อของเขาเอง เขาจะเข้าใจ”

ผู้สื่อข่าวไปสอบถาม จากนางสาวสุดที่รัก อายุ 62 ปี ภรรยาของผู้ที่หมดสติ เผยว่า ครอบครัวตนมีอยู่ 3 คนเป็นครอบครัวเล็กๆ  มีความจำเป็นที่ต้องขายบ้าน เพราะว่าสามีเลือดออกในก้านสมองฉับพลันเมื่อ 3 ปีที่แล้ว คนที่ซื้อบ้านผ่อนต่อจนหมด ต้องไปทำเรื่องเปลี่ยนชื่อถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ ชื่อเจ้าของบ้านเป็นของสามีตน ซึ่งป่วยติดเตียงอยู่ ตนจึงทำหนังสือมอบอำนาจเพื่อไปยื่นกับทางกรมที่ดิน แต่ทางเจ้าหน้าที่การเคหะ ได้บอกกับตนว่าต้องให้ผู้ป่วยไปดำเนินการด้วยตัวเอง

เจ้าหน้าที่การเคหะเอื้ออาทรได้มีการนัดกับตนว่าจะมีรถมารับคนป่วยไปทำธุรกรรมแต่โดนเท จึงได้โทรขอความอนุเคราะห์เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ให้มารับผู้ป่วยติดเตียงไปทำธุรกรรม พอไปถึงสำนักงานก็ต้องรอคิวนานตั้งแต่ 9.00 น. จนถึง 12.00 น. จนหัวใจหยุดเต้น จึงประสานกู้ภัยมารับตัวไปรักษาต่อที่ รพ. อาการหนักจนกระทั่งต้องเจาะคอ ซึ่งสาเหตุก็ไม่ทราบว่ามีการสื่อสารกันผิดหรือเปล่า ถึงได้รอนานแบบนี้ อยากให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีกว่านี้ สำหรับผู้ป่วยติดเตียงและคนพิการ ตนไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครอีก

ล่าสุดวันนี้ เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานกรมที่ดิน สาขาปากเกร็ด ได้เดินทางมาเยี่ยมสามีของตน ซึ่งอาการตอนนี้ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ เนื่องจากออกซิเจนในเลือดต่ำ โดยวันนี้ได้มอบกระเช้าให้กับตนและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ดำเนินการล่าช้า แต่ตนไม่ได้โทษทางเจ้าหน้าที่ เพียงแค่อยากให้ระบบราชการมันดีกว่านี้ มีการแยกผู้ป่วยติดเตียงและผู้พิการ จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูเคสตนเป็นตัวอย่างแล้วไปปรับแก้ไขเพื่อจะได้ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก

ขณะที่ลูกสาวอายุ 20 ปี เล่าว่า เขียนโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย ด้วยความรู้สึกกดดันหลายอย่าง ตอนนั้นอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ที่ รพ. ทั้งโกรธ ทั้งโมโห และทั้งเศร้า ถ้าเรื่องจบตั้งแต่ใบมอบอำนาจ พ่อของตนก็ไม่ต้องออกไปและเรื่องก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งตนก็พยายามสอบถามแล้วว่ามีวิธีไหนที่จะไม่ให้พ่อต้องออกไปทำเรื่องเอง ซึ่งตนก็รู้อยู่ว่าถ้าพ่ออกไปด้วยสภาพแบบนี้จะอันตรายแน่ ทั้งเสี่ยงโควิดด้วย

ตนก็ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ของการเคหะและกรมที่ดินไปสื่อสารกันผิดยังไงจึงทำให้ดำเนินการช้าแบบนี้ แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้ระบบราชการให้มีข้อปฏิบัติสำหรับผู้พิการหรือผู้ป่วยติดเตียง มีช่องทางพิเศษ เวลามีเหตุฉุกเฉินจะได้รับมือทัน ซึ่งตามหลักจริงๆ แล้วก็น่าจะเสร็จภายใน 1 ชม. เนื่องจากเอกสารของตนครบ เหลือเพียงแค่เซ็นเอกสารและปั๊มลายนิ้วมือ แต่วันเกิดเหตุใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงจนพ่อมีอาการหนักจึง ติดต่อ 1669 มูลนิธิร่วมกตัญญูมารับพ่อไปรักษาที่รพ.ปากเกร็ด 2 ไปรักษาต่อโดยมีอาการถึงขั้นเข้าฉุกเฉินใช้เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงเจาะคอด้วย