หนุ่มสักยันต์ของขลัง เกิดของขึ้นอาละวาด ยอมสยบเพราะ “เจ๊” เมียหัวหน้าก้มกราบ

หนุ่มสักยันต์เต็มตัว ของขึ้นอาละวาด อ้างคุมสติไม่ได้ อยากถอนของแล้วอยู่กับลูกเมีย เคยติดคุก 9 ปี ข้อหาฆ่าคนตาย

(15 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางกัณณิกา อายุ 56 ปี  ซึ่งเป็นคู่กรณีของหนุ่มของขึ้น ที่เกิดอาการคลุ้มคลั่งและอาละวาดทำร้ายผู้คนอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ของวันที่ 11 เม.ย.66 ภายในสวนยางแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.7 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ตามที่ได้มีคนงานนำคลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุออกมาเผยแพร่ เพื่อขอความช่วยเหลือผ่านทางสื่อโซเชียล เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีท่าทีข่มขู่และมีพฤติกรรมที่จะกลับมาก่อเหตุซ้ำ รวมถึงยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ 

ในวันเกิดเหตุนายจ้าง ได้ให้เก็บขี้ยางพาราขาย โดยผู้ก่อเหตุเก็บเสร็จก่อนตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนหายตัวไป และทราบภายหลังว่า ได้ไปช่วยคนงานอีกแห่งหนึ่งเก็บขี้ยางต่อ โดยตนนั้นได้โทรศัพท์ไปเร่งให้คนงานที่เก็บขี้ยางล่าช้า โดยเกรงว่าจะไม่ทันเพราะคนรับซื้อเร่งรัดเวลาเนื่องจากมารอนานหลายชั่วโมงแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวกับผู้ก่อเหตุ

ต่อมาผู้ก่อเหตุ คือ นายสุ อายุ 31 ปี ชาว จ.ระนอง ได้ขับรถ จยย.เข้ามา พร้อมบิดเร่งเครื่องเสียงดัง จึงได้ร้องถามไปว่า “ทำไมบิดรถแรงนัก ไม่กลัวล้มเหรอ” แต่ได้รับคำตอบว่าอยากตีปากคนจัง อยากตีปากคนพูดดี “จึงถามว่าใครพูดดี ใครว่าอะไรให้…”

จากนั้นนายสุ ยังถามต่อว่าทำไมพูดเสียงดัง จึงได้ตอบไปว่า “เอ็งพูดเสียงดัง ..ก็เลยพูดเสียงดัง” ซึ่งครั้งแรกตนเข้าใจว่าผู้ก่อเหตุนั้นได้ไปมีเรื่องมาจากที่อื่น เพราะทราบว่าเขาดื่มสุรามาด้วย และเขาก็ต่อยมาที่ใบหน้าถูกโหนกแก้มด้านซ้าย 1 ครั้ง และซ้ำอีก 1 ครั้ง จากนั้นคนงานจึงได้ช่วยกันเข้ามาห้าม โดยไม่มีใครคิดที่จะทำร้ายกันเกิดขึ้น แต่เมื่อห้ามและจับตัวนายสุไว้ไม่อยู่ และมีการอาละวาดต่อโดยไล่ตี เตะเพื่อนงานคนอื่นที่เข้ามาช่วยห้ามไปด้วย

นายสุ ยังบอกด้วยว่าของขึ้น เพราะสักเสือ สักหนุมานมา จากนั้น นายบุญเทียม อายุ 38 ปี สามีของตนซึ่งเป็นหัวหน้าคนงาน จึงได้พยายามออกมาห้าม และดันตัวนายสุไว้ แต่ได้ถูกนายสุชกด้วยหมัดเข้าที่กรามข้างซ้ายจนหงายหลังสลบลงไปกองอยู่กับพื้นด้วยหมัดเดียวในทันที จนบุตรชายตนได้พยายามที่จะเข้าไปช่วยแต่สู้แรงไม่ไหว โดยที่นายสุ นั้นได้ใช้อาวุธมีดพยายามแทงที่ลำคอจากด้านหลังด้วย แต่ยังแทงไม่เข้า เพราะยังอยู่ระหว่างชุลมุน ก่อนที่คนงานในที่เกิดเหตุ ได้โทรศัพท์แจ้งไปยัง จนท.ตำรวจให้เข้ามาช่วยระงับเหตุ

และเมื่อตำรวจสายตรวจประจำตำบลท่ากระดาน 2 นาย พร้อมด้วย นายวิชัย จิตสำราญ ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 เดินทางมาถึง คนงานต่างพากันวิ่งไปหลบกันหมด ตนพร้อมด้วยนายสุจึงถูกเรียกออกมา โดยตนนั้นถูกนายสุ ประกบบีบอยู่ด้านหลังทั้งยังขู่ไว้ด้วย จึงไม่กล้าที่จะบอกตำรวจ ว่าเกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันจนถึงขั้นมีคนนอนสลบ ฟันหัก และมีเลือดคั่งในสมองด้วย ถูกหามเข้าไปนอนพักในห้อง โดยที่นายสุนั้น บอกอ้างต่อตำรวจว่าแค่ลื่นล้มกันเท่านั้น จนเกิดร่องรอยบาดแผลตามร่างกายขึ้น ก่อนที่ตำรวจพร้อมผู้ใหญ่บ้านจะพากันกลับออกไป 

หลังเกิดเหตุนายจ้างซึ่งเห็นเหตุการณ์จากภาพในกล้องวงจรปิด จึงได้โทรศัพท์มาบอกให้นายสุ นั้นเก็บข้าวของออกไปจากสวนยางแห่งนี้ พร้อมด้วยเพื่อนคนงานและครอบครัวรวมทั้งหมด 4 คนที่มาด้วยกัน โดยเขาเพิ่งสมัครเข้ามาทำงานที่สวนยางแห่งนี้ได้เพียงประมาณ 1 เดือน โดยตนเองและสามียังได้เป็นคนขับรถไปรับมาจาก อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี หลังจากเถ้าแก่ตกลงรับให้เข้าทำงาน เพราะเขาบอกว่าไม่มีค่ารถ ทั้งยังเบิกเงินให้ใช้ล่วงหน้าอีกจำนวน 4,500 บาท หลังจากนายจ้างให้ออกจากงานแล้ว เขายังอาละวาดโดยเอาขวานขนาดใหญ่จะเข้ามาไล่ฟันสามีตนพร้อมลูกชาย จนถึงยังในห้องพักซ้ำอีก โดยเขาได้พยายามจะเข้าไปฟันทางด้านหลังบ้าน ทั้งยังร้องบอกให้ภรรยาของเขาไปเอาปืนมาด้วย ตนเองจึงได้ไปก้มลงกราบนายสุ เพื่อขอร้องไม่ให้เขาทำร้ายครอบครัวอีก โดยยกมือไหว้ขอร้อง บอกให้เขาพอเถอะ

โดยตนถามเขาว่า “ไหน..ว่า..รักเอื้อยรักพี่ พี่ไปรับ..มาทำงานไม่ใช่ว่าจะรับให้มาเป็นแบบนี้ สงสารลูกเมียไหม ถ้า..รักลูก..ก็หยุดซะ ถ้ามีของจริงถ้าของขึ้นจริง เจ๊จะกราบขอขมาครูบาอาจารย์..” โดยที่ตนนั้นจับไปที่ตัวเขา และพูดว่า “ถ้าเป็นของขึ้นจริงก็ขอให้ของออกจากร่างไปเถอะ ลูกหลานขอให้ยุติซะครูบาอาจารย์ หากถ้าได้ทำผิดอะไรไป”

จากนั้นเขาก็ร้องไห้และวางขวานลง หันมากราบตนด้วย ซึ่งระหว่างนั้นเขาเห็นรอยบาดแผลฟกช้ำที่ท่อนแขนของตนขนาดใหญ่ ที่บวมเขียวจากการที่เขาใช้เหล็กงัดถังยางฟาด เขาจึงได้นำมือมาจับและเป่าออกให้ประมาณ 3 ครั้ง พร้อมบอกว่าเป่าแบบนี้แล้วผมจะเจ็บ แต่เจ๊จะหาย เช้ามาจะหายปวด ซึ่งก็หายปวดจริงๆ บาดแผลบวมยุบลงมาจริงๆ ในช่วงเช้า เหลืออาการเจ็บเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็เป่าใบหน้าของตนด้วย พร้อมบอกว่าสงสารฉันและบอกว่าไม่อยากทำ ผมก็ไม่อยากเป็นแบบนี้ 

โดยที่ตามตัวของนายสุ นั้นพบว่ามีการสักยันต์เอาไว้หลายแห่ง ทั้งมีมังกรที่แผ่นหลัง และแขวนเสืออ้าปากคล้องอยู่ที่คอ ทั้งยังมีสายคลาดตะกรุดที่เอวด้วย ซึ่งตนยังได้บอกว่าหากเอ็งรักลูกเมีย รักพี่จริงจะพาไปถอดเอาของออกยังที่วัดหลวงตาเณร หรือวัดเขาน้อย (บ้านหนองกระทิง) ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาอยากจะอยู่กับลูกเมียเขาจะถอดให้ผมได้ไหม ผมสักมาหลายปีแล้ว และเคยฆ่าคนตายและติดคุกมา 9 ปีแล้ว เพิ่งออกมา ตนจึงได้รับปากว่าจะช่วยเขา และยังทราบว่าก่อนที่นายสุ จะมาทำงานที่นี่ก็เพิ่งเคยมีเรื่องวิวาท ใช้มีดฟันแทงกันมาก่อน แต่เขาไม่เอาเรื่องเพราะยังแทงไม่เข้า ตามที่ตัวเขาเล่าให้ฉันฟังเอง แต่นายจ้างเก่าได้ใช้เงินเคลียร์จ่ายให้ผู้เสียหายให้ไปจำนวน 7 พันบาท ก่อนที่จะหนีมาทำงานที่นี่ ครั้งแรกก็คิดว่าเขาจะกลับตัวมาเป็นคนปกติได้ ขณะนี้พวกตนยังหวาดระแวงเขาอยู่ เพราะเกรงว่าเขาจะหวนกลับมาทำร้ายอีก เพราะเขายังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่แถบนี้