หนุ่มแฝงตัวอาศัยบ้านเพื่อน แอบโอนเงินเข้าบัญชี 5 แสน ขโมยสมบัติแม่ร่วม 5 ล้าน

หนุ่มขออาศัยบ้านเพื่อน ทำดีให้แม่และคนในบ้านรัก ก่อนแอบโอนเงินให้ตัวเอง 5 แสน ขโมยสมบัติแม่ร่วม 5 ล้าน

นายเบิร์ด อายุ 39 ปี ชาวจ.พัทลุง เข้าร้องสื่อขอความช่วยเหลือ หลังเข้าแจ้งความหวั่นคดีไม่คืบ กรณีที่นายวิน อายุ 30 ปี เพื่อนชาย ชาว จ.เชียงราย ที่เคยเข้ามาขออาศัยอยู่ที่บ้านนานเกือบปี แต่สุดท้ายกลับขโมยเงิน และทรัพย์สินมีค่าภายในบ้านไปมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท หลบหนีลอยนวล

 เบิร์ด เล่าว่า รู้จักกับนายวิน ขณะที่ทำงานอยู่ที่ กทม. เมื่อหลายปีก่อนและช่วงหลังนายวินได้หายตัวไป ขาดการติดต่อกัน จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2565 มาเจอกับนายวินอีกครั้ง โดยขณะนั้นนายวิน บอกเขาว่า เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำในคดีพยายามฆ่าพ่อเลี้ยง และไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จึงขอมาอาศัยอยู่ด้วย เขาสงสาร และคิดว่าเป็นการให้โอกาสเพื่อน เพราะเชื่อว่าสาเหตุที่เขาติดคุกในข้อหาพยายามฆ่า เป็นเพียงเขาคงพลาดพลั้งด้วยอารมณ์ชั่ววูบ จึงพากลับมาอยู่ด้วยที่บ้าน ในจังหวัดพัทลุง ส่วนเขา ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่าง กทม. กับพัทลุง โดยหวังจะให้นายวิน เพื่อนชาย มาคอยดูแลผู้เป็นแม่ ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์เนื่องจากเส้นเลือดตีบ รวมทั้งได้มาช่วยดูแลธุรกิจการร้านประดับยนต์ เป็นกิจการของตระกูลของผู้เป็นแม่

เบิร์ด บอกด้วยว่า ในช่วงที่เขามาอาศัยที่บ้านในจังหวัดพัทลุง เขาก็ดูแลปรนนิบัติผู้เป็นแม่วัย 70 ปี ซึ่งป่วยทุกอย่างเป็นอย่างดี รวมทั้งคอยช่วยเหลืองานทุกอย่าง จนเป็นที่รักและไว้วางใจของทั้งผู้เป็นแม่ ที่ป่วย และญาติ ๆ ทุกคน จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2565 เบิร์ด สังเกตเห็นพฤติกรรมของวิน แปลกๆ ไป ก็เฝ้าสังเกตมาตลอด มีทะเลาะกันบ้างแต่ผู้เป็นแม่ก็เข้าข้าง เพราะแม่รักวินเพื่อนเขามาก

และวันที่ทะเลาะกันหนักคือวันที่ 8 ก.พ.66 หลังที่เขาพบว่าเงินในบัญชีของเขาจำนวน 5 แสน 4 หมื่นบาท ถูกถ่ายโอนออกไป พอตรวจสอบบัญชี ปรากฏว่า เงินไปอยู่ในบัญชีของนายวิน โดยนายวิน วางแผนลอบมอมยาเขา ในเครื่องดื่มตอนคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 จนรู้สึกสะลึมสะลือ ช่วงนั้นจำได้ว่านายวิน บอกให้เขาโอนเงินให้ 300 บาท เขาจึงใช้แอปฯ ในโทรศัพท์โอนให้ เชื่อว่านายวิน อาจจะแอบดูรหัสในช่วงนั้น หลังจากนั้น เขาก็หลับไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกทีในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 จึงไปหาหมอ ที่ รพ.พัทลุง หมอให้ยาแก้วิงเวียนมาจึงดีขึ้น

พอวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เขาต้องเดินทางไป กทม. พอไปถึงสนามบินตรัง ต้องใช้แอปฯ โทรศัพท์ เพื่อจะใช้เงินปรากฏว่าเงินหาย จึงตรวจสอบบัญชี ปรากฏว่าเงินไปอยู่ในบัญชีของนายวิน จึงเกิดทะเลาะกันขึ้นบอกให้นายวิน ออกจากบ้าน แต่ผู้เป็นแม่ที่ป่วย ขอไว้ เพราะแม่เขารักวินมาก เนื่องจากวินปรนนิบัติดูแลแม่เป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลาที่วินเข้ามาอยู่

จนกระทั่งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 วิน ออกไปจากบ้านและหายไป เขาจึงเอะใจตรวจสอบดูทรัพย์สิน ภายในบ้านพบตู้เก็บข้าวของโดนงัด ตู้เซฟถูกเปิด ทั้งเงินสด ทั้งของมีค่าหายไป โดยเฉพาะสมบัติของแม่ ที่เป็นมรดก ตกทอดจากบรรพบุรุษ และเครื่องทองเครื่องเพชรในวันแต่งงาน ของแม่ หายไปพร้อมกับวิน นับรวมมูลค่าทรัพย์สินที่หายไปกว่า 5ล้านบาท

เบิร์ด บอกว่าเขาเสียใจที่เก็บรักษาของที่มีคุณค่าทางจิตใจของแม่ไว้ไม่ได้ ซึ่งผู้เป็นแม่ เสียใจร้องให้ตลอดเวลา เจ็บช้ำใจหนักเพราะความเชื่อใจ ก็เมื่อตรวจสอบประวัติของวิน พบว่า เขาไม่ได้ติดคุกเพราะคดีพยายามฆ่าพ่อเลี้ยง แต่ติดคุกเพราะคดีเกี่ยวกับลักทรัพย์ ฉ้อโกง หลอกลวง มามากกว่า 7 คดี และเขาเชื่อว่าวิน คงมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ก่อนทำทีเป็นมาขออาศัยอยู่ด้วย และมาทำให้ทุกคนในบ้านรัก จนเกิดความเชื่อใจ ก่อนกวาดเงินทองและทรัพย์สินไปเกลี้ยง

ล่าสุดเขาได้ไปแจ้งว่าเพื่อดำเนินคดีกับนายวิน ไว้ที่ สภ.เมืองพัทลุง แต่หวั่นเกรงคดีจะไม่คืบหน้า เขาต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ใส่ใจในการติดตามตัวนายวินมาเพื่อดำเนินคดี และขยายผลสืบหาของมีค่าทางจิตใจผู้เป็นแม่ กลับคืนมาให้ท่าน เพราะตอนนี้ท่านร้องให้ทุกวัน เพราะความเจ็บช้ำน้ำใจ ขณะที่ผู้สื่อข่าวไปทำข่าว ผู้เป็นแม่ของเบิร์ดก็ร้องให้เสียใจตลอด เธอรู้สึกเสียใจมาก เธอต้องการทรัพย์สินที่มีค่าทางจิตใจของเธอที่เป็นมรดก ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และของแต่งงานของเธอกลับคืน