อนาถา 3 พ่อลูกเร่ร่อน หลังน้องคนเล็กแอบขายบ้าน ศูนย์ไร้ที่พึ่งเผย ครอบครัวนี้มีประวัติ

อนาถา 3 พ่อลูกนอนริมถนน น้องคนเล็กแอบขายบ้านจนต้องเร่ร่อน ศูนย์ไร้ที่พึ่งเผย เคยช่วยเหลือพาไปบำบัดเลิกเหล้า หาที่อยู่ให้ แต่หนีออกไป

(14 ม.ค.66) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านสวีทโฮม ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรีว่า มีกลุ่มชายเร่ร่อนมายึดพื้นที่ภายในสวนสาธารณะของหมู่บ้านเป็นที่พักอาศัย เกรงว่าไม่ปลอดภัยของคนในหมู่บ้าน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพร้อมเชิญตัวชายทั้ง 3 คนมายังโรงพักเพื่อประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.นนทบุรี เข้าให้ความช่วยเหลือ

จากการตรวจสอบกลุ่มชายเร่ร่อนทั้ง 3 คน พบว่าเป็นพ่อลูกกันทั้งหมด คือ นายวิมล อายุ 68 ปี ผู้เป็นพ่อ ซึ่งป่วยเป็นโรคผิวหนังอย่างรุนแรง จนมีน้ำหนองไหลออกมาจากแผลที่แขน นายวิชัย อายุ 46 ปี ลูกชายคนโตซึ่งป่วยเป็นโรคลมชัก และนายวิฑูรย์ อายุ 44 ปี ลูกชายคนรอง ป่วยเป็นแผลเรื้อรัง ต่อมาพ่อลูกทั้ง 3 คน ได้ร้องขออาหารกับน้ำดื่มจากเจ้าหน้าที่เนื่องจากไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน

สอบถาม นายวิชัย ลูกชายคนโต อ้างว่า สาเหตุที่ตนทั้ง 3 คนต้องออกมาเป็นคนเร่ร่อนค่ำไหนนอนนั้นตามริมถนนนั้น เพราะน้องชายคนเล็กซึ่งเป็นน้องแท้ๆ ได้ขายบ้านหลังปัจจุบันที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันหลังจากแม่เสียชีวิตไปไม่นาน โดยที่ตน พ่อและน้องชายไม่รู้เรื่องมาก่อน จนกระทั่งเมื่อเขาสามารถขายบ้านทาวน์เฮาส์ได้แล้ว ก็มาไล่ตนเอง พ่อกับน้องชายออกจากบ้าน แถมยังใช้ท่อนเหล็กทุบตีน้องชายคนรองด้วย ด้วยความที่ตนมีโรคลมชักประจำตัว น้องคนรองก็ถูกปลดออกจากงานช่วงสถานการณ์โควิด ตนทั้งสามคนจึงตัดสินใจออกจากบ้านของน้องชายมา เร่ร่อนอาศัยกินนอนตามที่สาธารณะ ป้ายรถประจำทาง และวัดต่าง ๆ ไปเรื่อย โดยไม่ทอดทิ้งกัน ซึ่งในแต่ละวันก็มีคนมาเห็นและสงสารซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้กินกันบ้าง บางวันก็อด บางวันก็มีกิน แต่ตนก็ไม่ได้โกรธหรือเกลียดน้องชายคนเล็กแม้ชีวิตของตนกับพ่อและน้องชายคนกลางจะบัดซบยิ่งกว่าละครน้ำเน่าก็ตาม เพราะเข้าใจว่าทุกคนก็ต่างต้องการเอาตัวรอดกันทั้งนั้น น้องชายคงอยากมีเงินไปสร้างอนาคตกับครอบครัวของเขา

ทางด้านนายวิฑูรย์ ลูกชายคนรองกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ถูกจ้างออกมาเพราะช่วงสถานการณ์โควิดระบาด ทำให้ตกงานเรื่อยมา ส่วนแผลที่มือและเท้าเกิดจากอุบัติเหตุรถชนแล้วหนี แต่ไม่มียามาทารักษาเพราะยาอยู่ที่บ้านที่น้องชายขายไปแล้วเขาล็อกประตูบ้านหมด ออกมาจึงไม่ได้รักษาต่อ ตอนที่น้องจะขายบ้านตนก็ไม่ทราบเรื่อง แต่น่าจะบอกพี่ชายไว้ ตอนนี้อยากได้ที่อยู่อาศัย และหางานทำสองคนพี่น้อง เพื่อดูแลพ่อที่ป่วย

ด้านนายวิมล ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า ลูกชายคนเล็กซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ ได้บอกว่าจะขายบ้านโดยไม่ได้สนใจว่าตนจะไปอยู่ที่ไหน ซึ่งเขาน่าจะขายได้ประมาณ 8 แสนบาทถึง 1 ล้านบาท ตนไม่แน่ใจ หลังจากเขาขายบ้านตนทั้ง 3 คนก็ออกจากบ้านมาเป็นคนเร่ร่อน นอนตามวัด ตามสถานีตำรวจไปทั่ว ตอนนี้ตนเองป่วย เวียนหัว อาเจียนตลอดเวลา ตามตัวก็ไม่รู้เป็นอะไรมีแผลพุพอง เป็นหนอง ผ่านมา 5-6 วัน ไม่ค่อยได้ทานอาหาร ทานแต่น้ำ ตอนนี้อยากได้ที่อยู่ และให้ลูกทำงาน จะได้เลี้ยงชีพได้

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.นนทบุรี เดินทางเข้าตรวจสอบ ที่ สภ.บางบัวทอง พร้อมกับให้ข้อมูลว่าก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณปี 65 ทางศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งได้นำตัวนายวิชัย เข้าไปบำบัดเรื่องเลิกสุรา หลังจากเลิกสุราได้แล้วได้ออกจากศูนย์เพื่อไปทำงานช่วยเหลือพ่อและน้องชาย ส่วนนายวิมล และนายวิฑูรย์ ทาง อบต.มหาสวัสดิ์ ได้เช่าบ้านให้อยู่ และหางานให้ทำ พร้อมทั้งได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้วจำนวน 3,000 บาท แต่ต่อมาทั้งหมดได้หลบหนีออกมาจากบ้านเช่าที่ อบต.มหาสวัสดิ์ และกลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้านน้องชาย จนกระทั่งน้องชายให้ออกจากบ้านเพราะขายบ้านหลังดังกล่าวไป จึงกลายเป็นกลุ่มคนเร่ร่อนอีกครั้ง ซึ่งในวันนี้ทางศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจะดำเนินการรับตัวบุคคลทั้ง 3 คนเข้าไปอยู่ในความคุ้มครองต่อไป โดยจะนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสภาพร่างกายและบำบัดอาการติดเหล้าทั้งสามคนให้หายขาดเสียก่อน จากนั้นจึงจะเข้าระบบจัดงานหาให้ทำต่อไป