เก๋งลัดเลาะหลบไม้กั้น เจอรถไฟพุ่งชนพังยับคาราง คนขับรอดตายแต่หายตัวไป

เก๋งมักง่ายลัดเลาะหลบไม้กั้น เจอรถไฟพุ่งชนพังยับคาราง คนขับรอดตายแต่หายตัวไป ชาวบ้านเผยจุดนี้เพิ่งมีคนตาย 2 ศพ

(1 ส.ค.65) เมื่อเวลา 04.00 น. พ.ต.ต ธงชัย แก้วจรูญ สว. สอบสวนสภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถไฟเฉี่ยวชนรถเก๋ง บริเวณปิดกั้นทางรถไฟวัดพนัญเชิง ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย สมาคมอยุธยารวมใจหน่วยกู้ภัยอยุธยา ร่องกลาง รางรถไฟพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อซูซูกิ หมายเลขทะเบียน 8915 พระนครศรีอยุธยา สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน ถุงลมนิรภัยทำงาน ตรวจสอบไม่พบผู้ขับขี่และไม่มีผู้บาดเจ็บ ข้างรถยนต์เก๋งบนรางรถไฟรางที่ 3 พบขบวนรถไฟขบวนที่ 633 บรรทุก ถังบรรจุน้ำมันมา 20 ถัง จอดนิ่งอยู่ในรางที่ 3 มุ่งหน้าใกล้ถึงสถานีรถไฟอยุธยา

สอบถาม นายมานพ อายุ 55 ปี พลขับรถไฟ เล่าว่าตนเองนั้นได้ขับรถไฟ มาจากสถานีบางซื่อ มุ่งหน้าไป รับน้ำมันดิบที่จังหวัดพิษณุโลก พอถึงจุดเกิดเหตุซึ่งขณะนั้นปิดกั้นทางรถไฟได้ปิดลงมา ทำงานตามปกติ เพื่อให้รถหยุด เห็นรถยนต์เก๋งวิ่งมาจากทางวัดใหญ่ชัยมงคลมุ่งหน้าวัดพนัญเชิง พอมาถึงบริเวณปิดกั้นรถไฟ รถเก๋งได้ลัดเลาะไม้กั้นรถไฟ จึงบีบสัญญาณเพื่อเตือน รถเก๋งไม่ยอมหยุดจึงพุ่งชนอย่างแรง จนรถหมุนตกลงไปร่องกลาง พอตนหยุดขบวนรถไฟได้ ลงมาตรวจ ไม่พบคนขับรถยนตืเก๋งหรือผู้บาดเจ็บ

ทางด้าน นายโสภณ นะคำ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยา เล่าว่าตนเองได้รับแจ้งเหตุจึงมาตรวจสอบก็พบว่ามีรถเก๋งถูกรถไฟเฉี่ยวชนแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เห็นผู้ชายเป็นคนขับลงมาจากรถสำรวจความเสียหายของรถอยู่ ช่วงที่ชาวบ้านกำลังมามุงดูชุลมุน ชายคนขับรถหายตัวไป โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยเส้นทางรถไฟนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเนื่องจากไม้กั้นทั้ง 2 ฝั่ง จะปิดกั้นเลนเดียว ซึ่งถนนเป็นถนนลักษณะรถวิ่งสวนทางกัน เวลาที่จะมีขบวนรถไฟมา มักจะมีรถเก๋ง รถจักรยานยนต์ ชอบลัดเลาะหลบหลีกไม้กั้น ข้ามทางรถไฟไปก่อน

โดยเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีสองแม่ลูกขี่รถจักรยานยนต์ หลบหลีกไม้กั้น ลักษณะเดียวกับรถยนต์เก๋งถูกรถไฟเสียชีวิต 2 ราย จากการตรวจสอบภายในรถยนต์เก๋งพบเอกสารการฉีดวัคซีนโควิด-19 และสำเนาทะเบียนรถยนต์เก๋ง ระบุชื่อ นายกิจธาดา (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาว อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบ และติดตามคนขับรถเก๋ง เพื่อมาทำการสอบปากคำและจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป