“เจี๊ยบ วัชระ” ซัดแรงหลังเจอข่าวเม้าท์ตกอับ – เผยเคล็ดลับรักภรรยา 30 ปี

เรียกว่าเป็นอีกคนบันเทิงที่เจอพิษโควิด19 เล่นงานอย่างหนัก จนมีกระแสข่าวลือว่าตกอับ? สำหรับ เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม หนึ่งในสมาชิกวงเฉลียง ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจเคลียร์ประเด็นนี้ในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่อง One31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา, อาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

มีอยู่ช่วงหนึ่งเห็นพี่เจี๊ยบไปออกรายการรายการหนึ่ง มีข่าวมีกระแสว่าเคยอยู่ในช่วงตกอับ?

เจี๊ยบ : “ผมไม่รู้ว่าคำๆ นี้มันออกมาได้ไงนะ ตกอับอ่ะ ไม่เคยพูดเลยนะว่าตัวเองตกอับ เพียงแต่ว่างานที่เราเคยทำอยู่มันได้เป็นรายได้เป็นอาชีพก็คือ นักแสดง คือโควิดมาเขาไม่ให้ถ่ายทำ มันโดนกันหมด เพราะฉะนั้นมันก็คือไม่มีงานถ่ายทำ พอไม่มีงานถ่ายทำ มันก็คือตกงาน ตกงาน 100% ก็คือไม่ได้ทำงานเลยทุกวัน กินข้าว นอน ตื่นมา กินข้าว นอน มีอยู่แค่นี้ เขาเรียกตกงาน ไม่ได้ตกอับ” 

แต่ก็เจอกระแสข่าวตีไปว่าอย่างงั้น แอบโกรธไหม?

เจี๊ยบ : “ไม่โกรธ เพราะความรู้สึกเรารู้ เราทำงานมาตั้ง 60 กว่าปี ทำงานมาเยอะ เลยรู้ถึงการขายว่า อันนั้นต้องขายแบบนี้ อันนี้ต้องขายแบบนั้นนะ คนมันจะได้สนใจ ตีปี๊บให้ดังไว้ก่อน เข้ามาดูปั๊บมันก็มีแต่ผนังในปี๊บ มันไม่มีอะไรในปี๊บเลย มันเป็นเรื่องปกติ” 

ที่ผ่านมาช่วงโควิดเราก็โดนยกเลิกงานมากมาย รวมเป็นตัวเงินเนี่ยประมาณเท่าไหร่?

เจี๊ยบ : “โห บอกไปสรรพกรวิ่งโร่เลยนะเนี่ย ก็หลายสตางค์อ่ะครับ มันมี 7 หน่วยอ่ะแหละ” 

แล้วช่วงจังหวะที่เราไม่มีงานหลักช่วงนั้นเราทำยังไงถึงรอดมาถึงทุกวันนี้?

เจี๊ยบ : “รุ่นเก่า กับรู้ตัวเองว่าเราต้องประหยัดอันนี้ อันที่แบบท่องเที่ยว ไปกินข้าวนอกบ้านทุกวัน เราก็ตุนๆ ไว้ ทำแกงเคยกินมื้อเดียว หม้อใหญ่หน่อยได้หลายมื้อประหยัดไปเรื่อยๆ ก็ประหยัดในทุกจุดนะครับ ไม่ได้ขี้เหนียว แต่ประหยัด ซึ่งอยู่ได้นะ ก็อยู่แบบไม่ต้องหรูหรา ฟู่ฟ่ามากมาย” 

แต่พี่เจี๊ยบไม่ได้คิดว่าจะวางแผนจะขายของเหมือนดารา ศิลปินท่านอื่น?

เจี๊ยบ : “ไม่มี คือไม่มีของจะขาย คือสิ่งที่เรามีอยู่มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตทั้งนั้นในการทำงานของเราโดยสายอาชีพมันไม่สามารถเอาไปขาย ไปแลกเปลี่ยนอะไรได้ ไม่ได้มีของเก็บขนาดนั้น แล้วก็ใช้วิธีนี้เอาคือ อยู่อย่างประหยัดแล้วก็บอกทุกคนในบ้านว่า เฮ้ย ตอนนี้พ่อไม่มีงานนะ จะหรูหรา ฟู่ฟ่า ไปเที่ยวนู้นเที่ยวนี่แบบเดิมเป็นไปไม่ได้แล้วนะ ก็ลดๆ เพลาๆ ลงมา เขาก็เข้าใจอยู่” 

เพราะงานหลักจริงๆ ก็คือละครอะไรพวกนี้ แล้วกองละครก็คือยกกันหมด?

เจี๊ยบ : “มีงานน่าจะได้เหมือนกันนะ ไม่ทำละครแล้วร้องเพลงได้ไหม คนดูที่ไหนมาล่ะ ไม่มี” 

แล้วตอนนี้เริ่มทยอยกลับมาบ้างหรือยัง เรื่องงาน?

เจี๊ยบ : “กลับมาแล้วครับ กลับมาแล้ว เริ่มมาตั้งแต่ประมาณต้นปี ก็มีละครเข้ามาติดต่อ แล้วก็คือเขาอั้นถ่ายมาเยอะ เพราะฉะนั้นก้จะมี 1234 ไปเรื่อยๆ ปิดเรื่องนี้เปิดเรื่องนู้น แล้วก็อยากจะเล่นดนตรีก็ถ้าเขามาดูไม่ได้ เล่นออนไลน์ไหม ไปทางโลกโซเชียลแทน” 

เดี๋ยวนี้ออนไลน์ก็มีหลายช่องทางเลย ขึ้นบัญชีมาให้เขาโอนเงินได้เหมือนกัน ให้ทริป?

เจี๊ยบ : “อ๋อ ไม่ได้ทริปอ่ะ ซื้อบัตรเลย ขายบัตรเลยครับ อารมณ์แบบคุณต้องเข้ามาแล้วเราจะให้โค้ดไป เพื่อนจะได้ลิ้งแล้วดู ขายลิ้งค์นั่นแหละ” 

ถามหน่อยพี่เจี๊ยบอยู่ในวงการบันเทิงมาทำมาทั้งหมดแล้วกี่แบบ ในวงการบันเทิงนี้คะ มีทำอะไรบ้าง?

เจี๊ยบ : “ก็ไปเขียนบทก่อน เขียนบทสั้นๆ ให้กับบริษัททำรายการทีวี เขียนเสร็จแล้วไม่มีใครเล่นก็เล่นเอง ก็เป็นนักแสดงไปด้วย ก็กำกับเพื่อนๆ ที่เล่นอยู่ด้วย ก็กำกับนู้นกำกับนี่ แล้วก็กลับมาเอาบททั้งหมดเนี่ยไปเย็บเล่ม เฮ้ยมันเป็นหนังสือได้นี่ เขียนหนังสือได้ เป็นนักเขียนด้วยนะครับ แล้วก็เพลงมันต้องมีเพลงประกอบนะ ไตเติ้ลอ่ะ รายการนู้นรายการนี้ ร้องเองก็ได้” 

ชอบอะไรสุดในหลายๆ อย่างที่ทำมา?

เจี๊ยบ : “ชอบเงิน เอาจริงๆ ไม่ได้เงินจะทำไปทำหอกอะไร งานอดิเรกยังงี้วาดรูปสวยๆ อ่ะ วาดเสร็จแล้วเก็บไว้ในบ้านไม่ให้ใครดู เขาไม่เรียกศิลปะนะ ถ้าเป็นสิ่งที่เราไม่เคยทำ ทุกอันมันคือต้องคิดขึ้นมา แล้วก็เจอปัญหา ผมว่าการมีชีวิตอยู่ทุกวันคือการแก้ปัญหาในแต่ละวัน ไม่ว่าเรื่องนี้มา เรื่องนี้มา เรื่องนี้มา ทุกอันมันมีปัญหา แก้แล้วจำสิ่ว่าถ้าอันนี้มันทำไม่สำเร็จ แล้วยังไปแก้แบบเดิมแล้วไม่สำเร็จอย่างนั้นเรียกฟาย อย่าทำแบบนั้น ไอ้ที่ผิดซ้ำๆๆ เขาเรียกฟาย” 

ไฟล์ที่หมายถึงแฟ้มที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ใช่ไหมคะ?

เจี๊ยบ : “ผมเป็นคนพูดไม่ชัด ไม่ ผมเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรที่ผิดซ้ำๆ แค่นั้นเอง ปัญหาที่เราแก้ได้แล้วแล้วทำมันสำเร็จเนี่ยเราก็จำไว้เป็นบทเรียน เอามาใช้แก้ปัญหาเรื่องถัดๆ ไป อะไรที่ไม่รู้แล้วเราชอบ เรารักมัน อยากจะทำ ก็ทำเลย ไม่ต้องไปนั่งรอโอกาสว่าเมื่อไหร่มันจะหล่นมาจากฟากฟ้า ไม่มี” 

แล้วสรุปพี่เจี๊ยบชอบอะไร เขียนบท เล่นละคร ร้องเพลง?

เจี๊ยบ : “เขียนหนังสือครับ ไม่ได้อยู่ในนี้นะ ไม่ได้อยู่ในนี้ด้วย เหมือนเป็นคำถามที่ไม่ถูกต้อง เหมือนไปตอบข้อ ง. การเขียนหนังสือจะเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด การเป็นนักแสดงคือร่างทรง เราแสดงเก่งยังไงก็แล้วแต่ ก็ต้องเล่นให้ตามบท เป็นใครก็ไม่รู้ ซึ่งไม่ใช่ตัวเราเอง เล่นจนคนดูเขาเชื่อเลย การเป็นผู้กำกับก็คือมีบท เราต้องตามบทนั้นที่เราตีความ การเป็นศิลปิน วาดรูป ร้องเพลง เราอาจจะอกหักหรือว่าชีวิตแหลกเหลว แต่เราต้องร้องให้คนดูเขาอินไปกับเพลงให้ได้ นั่นคือการแสดงออกมาอย่างชัดเจนอะไรแบบนี้ อย่างที่ว่าการเขียนหนังสือเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ใจรักสุดก็คือ เขียนหนังสือ” 

แปลกใจมาก เห็นพี่เจี๊ยบกระโดดไปเป็นนักร้อง ได้ยังไง?

เจี๊ยบ : “ไม่ได้กระโดดไปเป็นนักร้อง เป็นนักร้องมาก่อนด้วยซ้ำ เพราะร้องเพลงตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้สะตุ้งสตางค์อะไรนะ ร้องในวงมหาวิทยาลัย ร้องสนุกสนาน อย่างที่ได้ยินก็ลูกทุ่งสถาปัต จะมี 2 ยุค ยุคหนึ่งก็พี่ โญ ญาณี ตราโมท ที่ใส่ราชปะแตนนุ่งผ้าม่วง ได้ร้องเพลงดังมากเลยเอาเพลงลูกทุ่งมา แล้วก็มีวงชาร์โดมาเล่นกัน เครื่องเป่าไม่ใช่ลูกทุ่งแท้ ถัดมาก็เป็นวงผมนี่แหละ ขึ้นมาด้วยเพลงฝรั่ง แล้วต่อด้วยเพลงลูกทุ่ง ทุกคนชอบ กรี๊ดกันใหญ่เลย ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้ก็คงเล่นไม่ได้ ลิขสิทธ์มาบานเลย” 

เห็นเป็นศิลปินอยู่ช่วงหนึ่งที่อัลบั้มขายไม่ได้?

เจี๊ยบ : “ทุกช่วง เป็นทุกช่วง คือเฉลียงเป็นวงที่ดังเลยแหละ ดังโชว์ เป็นเพลงที่ออกพร้อมกับคุณธงชัยเลยแหละ คือมีชื่อเสียง แต่ไม่มียอดขาย คนรู้จัก แต่ก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หนึ่งอาจจะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย  ซึ่งเขามีเทคโนโลยีสูงในการซื้อเทป 1 ม้วนแล้วทำเป็น 100 ม้วนแล้วแจกเพื่อน” 

แสดงว่าเป็นนักร้องที่ทำรายจ่ายถล่มทลาย? 

เจี๊ยบ : “เรียกได้ว่าสะเทือนอ่ะ สะเทือนวงการสะเทือนไปถึงค่ายเทปเลย วงนี้ทำกูเจ๊ง” 

แล้วเพลงดังขนาดนี้ แต่ไม่มียอดขาย น้อยใจไหม?

เจี๊ยบ : “ไม่น้อยใจ เพราะมันชินซะแล้ว อะไรที่มันชินไปแล้ว มันจะไม่น้อยใจ แต่ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง เพลงนี้กลับมาดัง เพราะว่าคุณเก้ง จิระ มะลิกุล แห่ง GTH ทำภาพยนตร์รถไฟฟ้ามาหานะเธอ มันเข้ากับหนังมากเลย ขอซื้อจากผู้แต่งคุณประภาส ชลศรานนท์ ซื้อเพลงแล้วก็เอามาใส่ในเครดิตหนังตอนท้าย เราก็ไปดูหนังนะเมื่อไหร่เพลงเราจะมา อ๋อตอนคนลุกนั่นเอง ก็มันก็เริ่มดังขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง จากที่คนไม่รู้จัก แต่ที่ดังมากเพราะ วง Scrub เอาไปร้อง ซึ่งเจ้าตัวชอบเพลงนี้มาก เพราะด้วยความหมายของมัน ” 

เห็นบอกสมัยก่อนสาวๆ รุมจีบเยอะ?

เจี๊ยบ : “ช่วงที่ไปจัดทัวร์ที่ต่างจังหวัด ห่างไกลจากแฟนเราด้วย ก็มีแอบมองสาวๆ บ้าง มีนักร้องรุ่นพี่บอกไปทัวร์ที่ต่างจังหวัดได้หญิงชัวร์ แต่ก็มีแบบแนวแปลกๆ เข้ามานะ” 

เป็นคนขี้รำคาญ อีโก้สูง? 

เจี๊ยบ: คือเราเคยเขียนหนังสือเรื่อง “ไม่ได้ดั่งใจ” ซึ่งชื่อหนังสือก็บอกอยู่แล้ว คือเรามีมาตรฐานของเรา เราถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ อยู่ในสังคมแบบนี้ เรียนมาแบบนี้ ทุกอย่างเป็นเหตุและผลซึ่งกันและกัน และไรที่เกินหรือต่ำกว่ามาตรฐาน เราจะบอกว่ามันใช้ไม่ได้ มันก็เลยรำคาญ เอาอีโก้ของตัวเองวัด ว่าเราทุกคนต้องหมุนรอบตัวฉันนะ 

เหตุการณ์อะไรที่ผ่านมาทำให้ปรี๊ดแตกบ้าง?

เจี๊ยบ : ก็ดูข่าวก็ปรี๊ดแตกแล้ว ทุกวันนี้คนชอบไม่พูดความจริง พูดความจริงไม่หมด กั๊กเอาไว้เพื่อให้ตัวเองดี ไม่รู้จะกั๊กไว้ทำไม ทำให้สังคมมันวุ่นวายไง 

คนรอบข้างครอบครัวรับมือกับอารมณ์เราอย่างไร?

เจี๊ยบ : ก็ไม่รับมือยังไง คือเขาก็กระจายกันออกไป (หัวเราะ) 

พี่เจี๊ยบเป็นแบบนี้อยู่ยากในสังคมไหม?

เจี๊ยบ : ไม่ยาก แค่เราถอยออกมาสูดหายใจลึกๆ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ทุกวันนี้เราก็ถอยบ่อยเลย เข้าบ้านยังเดินถอยหลังเข้าบ้านเลย คือเมื่อไหร่ที่เรารู้สาเหตุของมันใจเราจะสงบ อายุ 60 กว่าคือเราจะปลงมันเองกับทุกเรื่อง 

เห็นบอกว่าเวลาหงุดหงิด แล้วครอบครัวแตก อยากจะถามว่าแต่งงานมาทั้งหมดกี่ปีแล้ว?

เจี๊ยบ : แต่งงานมาตั้งแต่ปี 35 ครองรักก็มา 30 ปีแล้ว หวานไม่หวานไม่รู้ เพราะไม่รู้จะไปเทียบกับใคร มีความสุขกันดี  

เส้นทางความรักเป็นยังไง คลั่งรักกับภรรยาไหม๊?

เจี๊ยบ : “ไม่อ่ะ พี่คือมนุษย์ธรรมชาติ เราจีบเขาเพื่อให้เขามาเป็นคู่ชีวิตเรา แต่การที่จะได้คู่ชีวิตที่ไปด้วยกันได้ ราบรื่นคือเรารู้อยู่แล้ว เพราะมีตัวอย่างเยอะแยะถ้าเรามีสตินิดหนึ่ง ไม่พลีพลาม ไม่ใช่ความรักเข้าตาแล้วโง่ คลั่งรักอะไรขนาดนั้น คือจะเข้าใจว่าเดี๋ยวเขาก็จะเป็นแม่ของลูกเรา เขาจะมีวันแก่ วันที่ไม่เหมือนแบบนี้ คุยกันก่อนไหม๊ อย่าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อการนั้น เป็นยังไงให้เป็นแบบนั้น” 

ความโรแมนติกมีบ้างไหม๊?

เจี๊ยบ : “ก็มี แต่มันไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ มันเป็นเรื่องที่น่าจะทำมากกว่า คือเรากินอะไรอร่อย แล้วก็ซื้อมาฝากกลับบ้าน” 

เคยเจอประสบการณ์ลี้ลับ เรียกว่าหลอน คือเห็นผีบ่อยมาก?

เจี๊ยบ : “คือไม่ได้เรียกว่าบ่อยหรอก คือมาโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจว่าจะเจอ พอเจอปั๊บก็เห้ย.. อันดับแรกเลยคือไปถ่ายภาพยนตร์ที่เพชรบูรณ์นะครับ แล้วก็ถือกระเป๋า ไปกับแก๊งค์เที่ยวตอนปัญญาชนก้นครัว พอถึงโรงแรมปุ๊บเด็กก็ยกกระเป็นกันไป เราก็ถามว่ามีผีไหม๊ เด็กยกกระเป็นก็บอกว่ามี ลิฟท์ปิด ทุกคนก็เงียบหมด พอลิฟท์เปิดก็คือมันไม่ใช่ชั้นที่เรากด เปิดออกเป็นห้องที่มีไม้ตรีและมีผ้ายันต์ตรงข้ามลิฟท์เลย และประตูก็ปิดเลย ต่อมาทุกคนนอนก็ขยับตัวไม่ได้ ถูกผีอำ พอถ่ายหนังออกมาฉากที่เก็บข้าวโพดในไร่ ใช้กล้องถ่ายมุมสูงกว้างเลยนะ ปรากฎว่ามีจุดขาวๆ เหมือนมีคนขี่มอเตอร์ไซต์ยาว สูง 3 เมตร คือทุกคนเห็นเหมือนกันหมด และก็อีกครั้งถ่ายฉากเฮฮา และก็มีคนยิ้มฟันหรออยู่ด้วย ก็เห็นเหมือนกันหมด” 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama