เจ้าหน้าที่ 30 นายยังเอาไม่อยู่ เจอฤทธิ์เดช “ไอ้บอด” จระเข้ตาเดียว หลุดจากคณะแสดง

เรื่องวุ่นๆ จับจระเข้ เจ้าหน้าที่ 30 นายเจอฤทธิ์เดชไอ้บอด ข้ามวันยังล้อมจับไม่ได้

สำหรับความคืบหน้ากรณี นายบุญช่วย กลิ่นอภัย หัวหน้าคณะแสดงช้างน้อยแสนรู้โชว์ ปันสุข เป็นชาวจังหวัดชัยภูมิ เจ้าของใบอนุญาตค้าสัตว์ป่าที่ได้จากการเพาะพันธ์ ของห้างหุ้นส่วนจำกัดฟาร์มจระเข้วัดสิงห์และสวนสัตว์ เลขที่ 214 หมู่ 3 ตำบลมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท มาเปิดการแสดงโชว์ที่ลานวัดหูกวาง ตำบลหูกวาง อำเภอบรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ กลางดึกคืนวันที่ 17 ก.พ.66 ช่วงค่อนแจ้ง ขณะคนในคณะนอนกลับพักผ่อนอยู่นั้นจระเข้อาย 10 ปี ขนาดยาว 2.80 เมตร ที่ขังไว้บนนรถบรรทุก 6 ล้อ เกิดหลุดหนีไปลงในแม่น้ำ

ทำให้ ร.ต.ต.อิศเรศ บุญฤทธิ์ ร้อยเวร สภ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ต้องแจ้งข้อกล่าวหานายบุญช่วย กลิ่นอภัย ในข้อหาไม่แจ้งการเคลื่อนย้ายจระเข้ ต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ ฝ่าฝืน มาตรา 78 พรก. ประมง ประกอบประกาศตามมาตรา 78 ที่ส่งให้โทษตามมาตรา 149 ทิ้งหรือปล่อยเป็นอิสระซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธ์ได้ ฯ ฝ่าฝืนมาตรา 15 พรบ สงวน 62 โดยไม่ได้รับอนุญาตสอบปากคำไว้เบื้องต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนของเมื่อคืนที่ผ่านมา นางสุพัตรา เผือกจีน หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมทีมไกรทอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครกู้ภัย นำอุปกรณ์ พร้อมเรือยนต์ ลงแม่น้ำปิงเพื่อวานแผนจับจระเข้หลังมีชาวบ้านพบคอยคอริมแม่น้ำปิง ห่างจากวัดหูกวางประมาณ 100 เมตร

ช่วงแรกทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำตาข่ายมาดักล้อมจุดที่พบจระเข้ เพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนี พยายามล้อมจับปรากฏว่าจระเข้ตื่นตกใจ ประกอบกับเป็นจระเข้ตัวใหญ่ จึงทำให้สะบัดหนี และดำลงไปในน้ำ สลับกับโผล่หัวขึ้นเหนือน้ำอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการจับ แต่สุดท้าย ภารกิจต้องล้มเหลว

เมื่อช่วงเช้าเวลา 07.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 ก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายวิโรจน์ ฤทธิ์กระจาย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.หูกวาง อ.บรรพตพิสัย ซึ่งทางปลัดอำเภอบรรพตพิสัย ได้สั่งการให้นำชุด ชรบ.เฝ้าพื้นที่ริมหาดตำบลหูกวางไว้ เพื่อคุมพื้นที่ลาดตะเวนเกรงว่าจะมีคนเข้ามาใช้ไฟฟ้าช็อตเอาจระเข้าไป

นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาชุด ชรบ.หมู่บ้านก็ทำหน้าที่ปกติ ปรากฏว่าช่วงหลัง 4 ทุ่มเศษ มีกลุ่มบุคคล 4 คน เข้ามาในพื้นที่โดยมีรถจักรยานยนต์พ่วงข้างมีอุปรกณ์ครบ มาขอลงไปเพื่อหาปลา หย่อนเบ็ด และนำเรือมาเพื่อจับจระเข้ด้วย ทีมที่ลาดตระเวนเห็นว่าผิดปกติจึงไม่ยอมให้กลุ่มคนดังกล่าวลงไปในแม่น้ำปิง เพราะปกติไม่มีชาวบ้านมาหาปลาบริเวณนี้ เนื่องจากริมตลิ่งชันมาก สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มคนดังกล่าวเกิดการโต้เถียงกันขึ้นรุนแรง ทำให้เมื่อคืนต้องเฝ้าระวังมากขึ้นจนถึงเช้า เพราะเกรงว่าคณะแสดงโชว์จะส่งคนมาจับจระเข้ ทำลายหลักฐานได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จระเข้ตัวที่หลุดจากคณะแสดงตัวนี้ มีฉายาว่า “ไอ้บอด” หรือ “จระเข้ตาเดียว” เนื่องจากมีข้อมูลว่าตาของมันบอดไป 1 ข้าง

ต่อมาช่วง เวลา 07.30 น.นางสุพัตรา เผือกจีน หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมทีมกู้ภัย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เรียกประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนจับจระเข้ต่อไป

นายวิโรจน์ ฤทธิ์กระจาย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รายงานสถานการณ์ ว่า ล่าสุดนี้มีชาวบ้านแจ้งมาว่าพบจระว่ายน้ำห่างจากตำบลหูกวาง ประมาณ 9-10 กม.มุ่งหน้าไปในตำบลหาดเสลา อำเภอเก้าเลี้ยวชาวบ้านถ่ายภาพไว้ได้ และกำลังหวนว่ายทวนน้ำกลับมายังอำเภอบรรพตพิสัยอีกครั้งขอให้ไปตรวจสอบด้วย

นางสุพัตรา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดไกรทอง นำเรือออกไปตรวจสอบบริเวณ หน้าวัดหาดเสลา ต.หัวดก อำเภอเก้าเลี้ยว และบริเวณหาดเสลา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเล่นน้ำคลายร้อนในช่วงน้ำแล้ง ตามที่ชาวบ้านแจ้งเบาะแสทันที ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบด้วยกล้องส่องทางไกล ตามเกาะ แก่ง กอหญ้า กลางแม่น้ำ ซึ่งภาพเป็นไปด้วยความลำบาก พบว่ามีวัตถุลักษณะคล้ายจระเข้ว่ายน้ำไปมา บริเวณดังล่าวจริงสร้างความแตกตื่นชาวบ้านมามุงดูจำนวนมาก เพราะไม่รู้ว่าจะมีจระเข้ตัวใหม่เพิ่มอีกหรือไม่

นางสาวปานอม อาไพพอน อายุ 37 คนเห็นจระเข้คนแรก เปิดเผยว่า เมื่อเช้าเวลา 7 โมงกว่าๆ ตนขี่รถจักรยานยนต์ข้ามสะพานเพื่อเดินทางไปหาดเสลา มองลงไปในแม่น้ำปิงบริเวนเนินกลางแม่น้ำ พบว่ามีสัตว์ลักษณะคล้ายจระเข้ขนาดใหญ่ว่ายน้ำไปมา ลักษณะเหมือนกำลังจะว่ายน้ำมาอาบแดดบนฝั่ง จึงหยิบกล้องมาถ่ายไว้และแจ้งให้ผู้นำชุมชนทราบเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ต่อไปยืนยันว่าเห็นจริงๆ

ต่อมาทีมไกรทองประมงนครสวรรค์ ได้แจ้งมายังศูนย์เฉพาะกิจวัดหูกวาง ว่า จากการตรวจสอบสัตว์คล้ายจระเข้ ตามที่ชาวบ้านแจ้งมาที่บริเวณหาดเสลา ปรากฏว่าน่าจะไม่ใช่จระเข้เพราะลักษณะคล้ายตัวเงิน ตัวทอง จึงขอยกเลิกภารกิจที่หาดเสลา เดินทางกลับไปยังหน้าวัดหูกวาง จุดที่นำตาข่ายมาล้อมไว้เพื่อค้นหาต่อไป

ต่อมาช่วง 14.00 น. นางสุพัตรา กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า พบจระเข้ขนาดใหญ่ นอนอาบแดดในป่าหญ้าริมแม่น้ำปิง ห่างวัดหูกวางไม่มากนัก จึงส่งทีมไกรทอง ประมงจังหวัดนครสวรรค์ และทีมกู้ภัยเดินทางไปตรวจสอบ ปรากฏว่าพบจระเข้นอนอาบแดดอยู่ในป่าริมตลิ่ง จึงวางแผนจับกุมทันที

เบื้องต้นได้แบ่งทีมไกรทอง สนธิกำลัง ทีมกู้ภัย แบ่งออกเป็นสองทีม รวมกันกว่า 30 คน โดยทีมแรกทีมไกรทองจากประมงจังหวัดนครสวรรค์ นำอุปกรณ์ตาข่าย กระสอบ และเหล็กเพื่อใช้กดที่หัว และหางงจระเข้ให้ได้ เดินฝ่าป่ารกทึบเพื่อเข้าไปให้ใกล้ตัวจระเข้ใหมากที่สุด เพื่อจู่โจมด้วยความระมัดระวัง ส่วนทีมที่สองใช้เรือจำนวน 3 ลำลอยริมตลิงคอยใช้อุประกรณ์สำหรับจับจระเข้ ดักรอริมตลิ่ง เพื่อสนับสนุนทีมชุดแรกที่เข้าจู่โจมบนตลิ่ง

ปรากฏว่า ทั้งสองทีมเคลื่อนที่เข้าจับกุมพร้อมๆ กัน ด้วยความเงียบให้มากที่สุดและระวังมากที่สุด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทราบดีว่าจระเข้อันตรายและมีพลังมากอาจเกิดอันตรายได้ ท่ามกลางชาวบ้านจำนวนมากมายืนให้กำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ริมตลิ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับจระเข้ตัวนี้มีความยากลำบากอย่างมาก เหมือนมันรู้ทางหนีที่ไล่ เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปใกล้ มันก็รีบสะบัดหนีออก ซึ่งสุดท้ายก็ทำให้ภารกิจนี้ยากขึ้นไปอีก เมื่อจระเข้หนีมุดเข้าไปอยู่ในโพรงดินใต้ตลิ่ง จนทำให้ทางกลุ่มเจ้าหน้าที่ต้องลำบากลำบน พากันมานั่งถางป่าหญ้ารก เพื่อเปิดให้เห็นรูโพรงในการล้อมกรอบในการจับมัน แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังอยู่ในระหว่างการจับ ซึ่งสุดท้าย ผลจะเป็นอย่างไร จะรายงานให้ทราบต่อไป.