“เบนซ์ พรชิตา” เปิดใจ! หลังโพสต์ ล่าสุดห้างติดต่อมาแล้ว ห่วงสภาพจิตใจคุณแม่

ได้รับกำลังใจจากแฟนคลับและแฟนละครไปอย่างล้นหลาม สำหรับการออกมาแชร์ประสบการณ์ตรง! ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ของนักแสดงสาว เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลายคนในการระมัดระวังตัว หากมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไปทำธุระหรือจับจ่ายซื้อของภายในห้าง

กระทั่งล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอกับ เบนซ์ พรชิตา และสามี มิค บรมวุฒิ ในงานแถลงข่าวเปิด LEGO Store สาขาใหม่ล่าสุด ของประเทศไทย จึงได้เข้าไปอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว รวมถึงสุขภาพร่างกายของคุณแม่หลังจากที่ต้องรักษาตัวเพราะอาการบาดเจ็บมานานกว่า 2 เดือนเต็มๆ โดยเจ้าตัวได้เล่าว่า…

อาการบาดเจ็บของคุณแม่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?
เบนซ์ – จริงๆ แม่หายแล้วนะ พวกแผลที่เย็บ พวกรอยเขียวๆ ช้ำๆ หายหมดแล้ว แต่ว่าหลังจากที่ล้มไปก็เหมือนขาแกไม่ค่อยโอเค เดินไม่เหมือนเดิม จากที่เคยเป็นคนคล่องแคล่วทำอะไรเร็วๆ ตอนนี้มันเหมือนว่าขาไม่ได้ดั่งใจอ่ะค่ะ มันช้า มันเจ็บ ซึ่งตอนแรกเบนซ์ก็คิดว่าคงจะไม่เป็นอะไรหรอก แต่ปรากฎว่าพอแกทำอะไรไม่ได้เหมือนใจคิด แกก็เริ่มรู้สึกแย่ เริ่มรู้สึกหงุดหงิด เพราะขามันไม่ไป

มิค – เหมือนสภาพจิตใจไม่ค่อยดี ถึงขั้นเราต้องพาไปหาจิตแพทย์เพื่อทำการปรึกษาเลยนะ และอย่างวันก่อนก็เพิ่งจะพาไปทำกายภาพบำบัด ซึ่งก็เหมือนว่าจะดีขึ้นหน่อย แต่คุณหมอบอกว่ายังต้องกลับมาอีกหลายครั้งเลย 2-3 ครั้งเป็นอย่างต่ำ เอ่อ…มันเหมือนสภาพจิตใจกับร่างกายของแกมากกว่าที่กลับไม่เหมือนเดิม

คุณหมอให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองยังไงบ้าง ?
เบนซ์ – ถ้าตามสเต็ปคุณหมอก็คือกินยาค่ะ กินยาคลายเครียด กินยานอนหลับ

เบนซ์ พรชิตา

จะมีโอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม ทำอะไรต่างๆ ได้คล่องแคล่ว ?
เบนซ์ – ขาเหรอ ถ้าขาแน่ใจเลยค่ะ ต้องลองรักษา

มิค – วันก่อนมีคุณหมอเดินมาพูดเลยนะ ประมาณว่า ‘คุณต้องพาแม่กลับไปที่เดิมที่เกิดเหตุให้เขาไม่กลัว นั่นแหละอาจจะเป็นช่วงที่เขาหาย’ เพราะตอนนี้เหมือนแค่ขึ้นบันไดเลื่อนเขาก็หลอนแล้ว

เบนซ์ – ตอนแรกเบนซ์ก็คิดนะคะว่ามันไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต คิดว่าแกนอยด์ไปเองหรือเปล่า แต่พอผ่านไปสักพักแกก็ยังไม่หาย

มิค – ทุกวันนี้แกสลดอ่ะ ผิดวิสัยมาก ซึมไปเยอะเลย

ถือว่าเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ของคุณแม่เลยไหม ?
มิค – ผ่าหลังใหญ่กว่า แต่ว่าครั้งนี้กลายเป็นครั้งที่มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจและร่างกายแกมากที่สุด

ล่าสุดทางห้างติดต่อมาแล้ว หลังจากที่เราแชร์เรื่องราวนี้ออกไป ?
เบนซ์ – ใช่ค่ะ ติดต่อมาแล้ว ก็คือทางห้างเขาโทรมาบอกประมาณว่า ‘เห็นข่าวแล้ว ขอโทษจริงๆ นะ’ แต่อันนี้ก็จะเป็นผู้ใหญ่อีกระดับขึ้นมา ไม่ใช่ผู้จัดการสาขา คือเขาโทรมาก็บอกว่า อยากจะขอโทษจริงๆ อยากจะมาเยี่ยม

เขาได้เสนอแนวทางในการเยียวยาด้วยไหม ?
เบนซ์ – ทางนั้นเขาก็บอกว่าจะพยายามดูแลให้ดีที่สุด คือเราก็ดีนะ เสนอมามันก็ดีแหละ แต่เบนซ์อาจจะต้องขอเวลาอีกสักแป๊บหนึ่งก่อน เพราะตอนนี้ที่บ้านก็ป่วยกันหมด และเดี๋ยวสักอาทิตย์หน้าเราคงได้คุยกันจริงๆ อีกอย่างเรื่องที่เบนซ์โพสต์นะคะ เบนซ์ไม่ได้คิดว่าจะต้องเรียกร้องเอาเงินหรือว่าอะไร เพราะมันคืออุบัติเหตุ มันเกิดขึ้นได้แหละ แต่ถ้ามันไม่เกิดจะดีที่สุดเลย หรือในอนาคตถ้าไม่มีคนเจ็บมันจะดีกว่าไหม เบนซ์ก็เลยคิดว่าอย่างน้อยมันก็เป็นการกระตุ้นให้ทุกๆ ห้างที่มีรถเข็นดูแลอุปกรณ์ตัวเองให้มันโอเค เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีปัญหา

มิค – คือเรานั่งคิดไงว่า หลายๆ ที่ก็ใช้รถเข็นแบบนี้ แต่ถ้าเกิดเราไม่ออกมาพูด มันอาจจะเกิดอุบัติเหตุกับใคร หรือร้ายแรงไปกว่านี้ก็ได้ แต่อันนี้คืออยากจะให้ทุกที่หมั่นตรวจ หมั่นเช็กระบบให้มันดี และก็มีวิธีในการดูแลลูกค้าของคุณทันทีที่มันเกิดอุบัติเหตุ คือหลังจากที่เราโพสต์ไปก็มีนักกฎหมายหลายคนที่เขาส่งข้อความมาบอกว่า ส่วนใหญ่ห้างเขามีการทำประกันไว้เผื่อดูแลผู้บริโภคอยู่แล้ว และจริงๆ มันไม่ควรจะนานขนาดนี้ มันควรจะจบตั้งแต่ 2-3 วันแรกด้วยซ้ำ แต่อันนี้คือเราก็รอมา 2 เดือนครึ่ง ก็เลยรู้สึกว่ามันนานไป แต่ผมไม่ได้โทษองค์กรนะ ผมว่ามันน่าจะเป็นที่บุคคล บุคคลหนึ่ง ที่ผิดพลาดและลืม

ทางนั้นเขายื่นข้อเสนอมาอย่างไรบ้าง ?
เบนซ์ – คือเรายังไม่ได้คุยกันแบบเจอหน้าค่ะ แต่เมื่อวานนี้เขาก็โทรมาแล้วแหละว่าเขาขอโทษ ขอโทษจริงๆ

คิดไหมว่าถ้าเราไม่โพสต์เรื่องนี้ลงโซเชียลฯ สุดท้ายแล้วมันจะเงียบ ?
เบนซ์ – คิดว่าเงียบ คือโดยปกติเราเป็นคนไม่ชอบทะเลาะกับใครอยู่แล้ว และห้างนี้เราก็เดินกันมาตลอด เบนซ์ไม่อยากมีปัญหาเลย แต่แค่บังเอิญว่าหลังจากเกิดอุบัติมันไม่มีใครมาดูแลเรา เบนซ์ก็เลยไม่อยากให้มันเป็นอีกเท่านั้นเอง คืออย่างน้อยถ้าเราออกมาพูดคนอื่นเขาก็จะได้ไม่โดนเหมือนเรา 

เบนซ์ – จริงๆ เบนซ์ก็ถามแม่เหมือนกันนะว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่ปล่อยรถเข็น แต่แม่ก็บอกว่าข้างหน้ามีคนอยู่ ถ้าแม่ปล่อยรถ รถมันก็จะไปทับเขา คือเขาก็ห่วงชาวบ้านชาวช่อง ไม่ได้ห่วงตัวเอง

เบนซ์ พรชิตา

ตอนแรกที่เห็นคุณแม่อาการของท่านดูเป็นอย่างไร ?
เบนซ์ – ตกใจมากค่ะ และตอนแรกที่แกโทรหาเบนซ์ แกก็พูดไม่รู้เรื่องเลยนะ แกบอกประมาณว่า ‘อย่าโกรธนะ อย่าโกรธนะ’ คือแกกลัวเบนซ์ดุ เพราะแกเพิ่งจะผ่านการทำบอลลูนมา และหมอก็เตือนแล้วว่าอย่ามีแผลเพราะเลือดจะออกเยอะ จากนั้นพอไปถึงโรงพยาบาล ช็อตเจอกันครั้งแรกคือแกร้องไห้เลย แกกลัวเลือดออกเยอะ และตัวเบนซ์เองก็คิดว่าทีแกล้มมันน่าจะเบากว่านี้ แต่พอเห็นก็รู้สึกว่าเยอะเหมือนกัน

ซึ่งปกติบริเวณทางเลื่อนล้อกับพื้นมันต้องล็อก ?
เบนซ์ – ใช่ค่ะ โดยธรรมชาติเวลาเราเข็นลงไปปุ๊บมันจะหยุดเอง หรือว่าอาจจะมีบางครั้งที่มันไหล แต่บังเอิญว่าพวกเราๆ อาจมีแรงในการดึงกลับมา ซึ่งกับแม่เบนซ์ท่านไม่มีแรง ท่านแก่แล้ว

วันนั้นคุณแม่ท่านเดินทางไปคนเดียว ?
เบนซ์ – มีเด็กที่บ้านไปด้วยค่ะ แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะไปอย่างนั้นไง

มิค – คือแกก็คิดประมาณว่า ถ้าแกเป็นคนเข็นมันก็เหมือนกับว่าแกมีไม้จับเวลาเดินเวลายืนอ่ะครับ

ของในรถมีเยอะไหม ?
มิค – มันก็มีทั้งน้ำ ทั้งข้าวสาร ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราซื้อกันปกติอยู่แล้ว แต่ประเด็นที่เราอยากออกมาพูดด้วยก็คือ มีคนมาบอกว่า ตรงจุดนั้นคุณป้าเป็นคนที่ 4 ของเดือนนี้ ดังนั้นเราจึงต้องออกมาพูดเพื่อให้มันปลอดภัยขึ้นสำหรับทุกคนดีกว่า

เบนซ์ – ที่เบนซ์พูดอ่ะ เบนซ์ไม่ได้อยากจะไปเรียกร้องอะไรกับห้างเลยนะ แต่แค่อยากให้เขาดูแลเรื่องรถเข็น หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ลูกค้าจะต้องใช้ ดูให้มันปลอดภัย แข็งแรง และไม่ให้เกิดปัญหาได้

หลังจากนี้จะมั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับคุณแม่อีก ?
เบนซ์ – จริงๆ ก็ไปได้ค่ะ แต่ก็ต้องให้คนอื่นช่วยเข็น หรือถ้ามีพนักงานสำหรับบริการคนแก่ก็จะดี จะได้สบายใจค่ะ