เปิดเหตุผลลึกๆ “แม่นิ่ม” ทำไมต้องโกหก สุดท้ายยอมพูดความจริงเพราะผู้หญิงคนนี้

เปิดเหตุผลลึกๆ “แม่นิ่ม” ทำไมต้องโกหกตั้งแต่แรก เพิ่งยอมพูดความจริงเพราะ “พี่อ้อ” ที่นิ่มไว้ใจและเชื่อใจ

วันนี้ (27 ก.พ.66) ตำรวจ สภ.บางหลวง คุมตัว แม่นิ่ม วัย 17 ปี มาสอบสวน หลังจากให้การยอมรับว่าเป็นคนทำให้น้องต่อเสียชีวิต และนำร่างไปโยนทิ้งน้ำ โดย มีพ่อของแม่นิ่ม เข้าร่วมฟังการสอบสวน พร้อมด้วยทีมสหวิชาชีพ

ทางด้าน นายวินท์ สุธีรชัย ประธานมูลนิธิ วิน วิน พร้อมด้วย นางสาวชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิ วิน วิน ได้เดินทางเข้ามา ร่วมสังเกตการณ์ และรับฟังการสอบปากคำ ในฐานะคนที่ แม่นิ่มไว้ใจ เนื่องจากเข้ามา ติดตามคดี ตั้งแต่ช่วงแรก และได้มีการพูดคุยกับแม่นิ่มจนเกิดความเชื่อใจ

โดย นายวินท์ กล่าวว่า ทาง มูลนิธิ วิน วิน ได้ส่งทีมงานมาประสานตั้งแต่วันแรกๆ โดยเฉพาะ นางสาวชลิดา โดย สิ่งที่ได้พบในพื้นที่ ก็คือชาวบ้านและตัวน้องนิ่มเอง ไม่มีความเชื่อมั่นและไม่สบายใจที่จะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้มูลนิธิวินวินเองมาเป็นผู้ประสานงาน เพื่อให้เกิดความไว้วางใจกับชาวบ้านและตัวน้องนิ่มจนเป็นที่มาที่ น้องเปิดใจพูดคุยกับตำรวจและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมีพ่อและส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมรับฟัง

โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนที่ ตำรวจจะพาน้องเข้าไปสอบสวนตามกระบวนการ และหากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาโดยกระบวนการ ทั้งหมดก็จะมีทั้งอัยการ นักจิตวิทยา พม. เข้ามาร่วมกับตำรวจเป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน

ส่วนมูลนิธิ วิน วิน เองหลังจากนี้ก็จะช่วยเหลือครอบครัวของน้อง โดยจะเข้าไปดูแลคุณแม่ซึ่งมีอาการอัมพฤกษ์จากการที่ก่อนหน้านี้มีเส้นเลือดในสมองตีบก็จะเข้าไปช่วยดูแลให้น้อง เพื่อให้น้องสามารถเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ด้วยความสบายใจ และเปิดเผยความจริงออกมาอย่างเต็มที่และดูแลไม่ให้คนข้างหลังมีปัญหา 

ในตอนนี้น้องยอมที่จะเปิดใจพูดคุยว่าเกิดอะไรขึ้นในเบื้องต้น พบว่า เป็นความไม่ตั้งใจอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่ตัวน้องเป็นเยาวชนและต้องดูแลทั้งครอบครัวดูแลพ่อแม่ดูแลลูกตัวเอง จนทำให้น้องและลูกของตัวเองต้องจากไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในช่วงแรกจะมีความเครียดเพราะอยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนมารุมสอบถาม จนทำให้เกิดอาการเครียดแต่เนื่องจากทีมงานมูลนิธิอยู่กับน้องตั้งแต่วันแรกๆ ทำให้น้องมีความสบายใจเวลาที่อยู่กับเรา โดยน้องนิ่มระบุว่าในวันเกิดเหตุ ได้ทำน้องต่อร่วงตกพื้นและนำไปโยนน้ำ เพราะกลัวความผิด ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมด นายพุด ซึ่งเป็นสามีไม่รู้เรื่องด้วย และยอมรับว่าทำเพียงคนเดียว แต่ไม่กล้าบอกใครเพราะเกรงว่าถ้าหากบอกความจริงจะถูกทำร้าย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำนิ่มตามหลักของสหวิชาชีพโดยมีรายงานว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะแถลงความคืบหน้าของคดีให้สื่อมวลชนได้รับทราบต่อไป

พอเรารู้ข้อมูลลึกๆ แล้ว ในมุมอีกด้านนึงของสังคมที่มันเป็นด้านมืด นิ่มเป็นคนที่น่าสงสารคนนึง ซึ่งพอเรารู้เรื่องก็มีร้องไห้ หนึ่งสงสารเด็กที่ต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยการพลาดพลั้ง ไม่ได้ตั้งใจ สองคือสงสารนิ่มที่พอเค้าเล่าปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างออกมา เรารู้สึกว่าเด็กคนนี้ต้องมาเจออะไรขนาดนี้เหรอ เราต้องกลับมามองอีกว่าสังคมเราควรปรับหรือแก้ไขอะไรบ้างเกี่ยวกับเยาวชน

“แล้วเด็กอายุ 17 ปี ด้วยความที่เค้าเลี้ยงลูกคนเดียว ไปคลอดลูกคนเดียว อุ้มลูกเลี้ยงลูกทุกอย่างไม่มีใครช่วยดู เด็ก 16 17 ปี บางคนให้นมลูกยังไม่เป็นเลย เค้าก็ต้องทำเองทุกอย่าง บ้านสามีก็ไม่ได้มีใครชอบเค้า เค้าจะไปปรึกษาใครก็ไม่ได้ 

ทำไมไม่บอกแฟนวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น บอกไปก็กลัวโดนทำร้าย อันนี้คือคำพูดของนิ่ม นิ่มที่ไม่กล้าพูดแต่แรกเพราะห่วงแม่ ถ้าเค้าโดนจับแม่จะอยู่ยังไง ใครจะดูแลแม่เค้าที่ป่วยติดเตียง เลยบอกว่านิ่มไม่ต้องกลัว ทางมูลนิธิจะเข้าไปดูแลให้ นี่คือมนุษย์คนนึงที่ต้องการความช่วยเหลือ” นางสาวชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิ วิน วิน ระบุ