ไวรัล รร.ดัง ประกวดร้องเพลง รื้อตำนานรักวังบัวบาน ทายาทชี้เรื่องจริงถูกบิดเบือน

ไวรัล รร.ดัง ทำโชว์ประกวดร้องเพลง รื้อตำนานรักวังบัวบาน หลานชี้เรื่องจริงถูกบิดเบือน แท้จริงไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะความรัก

จากกรณีที่โรงเรียนดังในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เข้าร่วมประกวดร้องเพลงในรายการชื่อดัง ได้ทำโชว์ที่บอกเล่าเกี่ยวกับ ตำนานรักวังบัวบาน ผ่านบทเพลง ยอมจำนนฟ้าดิน และ รอพี่ที่ป่าช้า ซึ่งเนื้อหาในโชว์เป็นเรื่องราวของ บัวบาน หญิงสาวที่ผิดหวังจากความรักจนฆ่าตัวตายที่น้ำตก เหลือเพียงวิญญาณที่ทุกข์ทรมาน จนกลายเป็นกระแสไวรัลชื่นชมถึงการแสดงของผู้เข้าประกวดที่เข้าถึงบทบาท และตำนานน้ำตกวังบัวบานก็ได้ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง

โดยก่อนหน้านี้ คุณศรัญญา ไชยวงศ์แก้ว หลานสาวของ คุณบัวบาน ไชยวงศ์แก้ว ครูประชาบาล ที่ถูกอ้างถึงในตำนานน้ำตกวังบัวบาน ภายในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ว่า จบชีวิตเพราะผิดหวังจากความรัก ได้ออกมาเปิดเผยความจริง ว่า ไม่เคยมีชายหนุ่มจากกรุงเทพฯ หรือ นายทหารคนใดมาพัวพันกับคุณบัวบานตามที่ถูกกล่าวอ้าง โดยคาดว่าสาเหตุที่ครูบัวบาลจบชีวิต มาจากปัญหาเศรษฐกิจการเงิน ไม่ใช่เพราะความรัก หลังจากที่ทางญาติได้ออกมาชี้แจง เรื่องนี้ก็เงียบหายไปนาน กระทั่งล่าสุดมีการพูดถึงอีกครั้ง

คำชี้แจง ตำนานรักวังบัวบาน จากคุณ ศรัญญา ไชยวงศ์แก้ว หลานสาวของ คุณบัวบาน ไชยวงศ์แก้ว ระบุว่า

ดิฉัน เป็นหลานสาว คุณบัวบาน ตามตำนานวังบัวบาน โดยคุณปู่ของดิฉัน เป็น พี่ชายของคุณบัวบาน จะขอเรียนชี้แจงเรื่องราวของ คุณบัวบานที่เสียชีวิต ณ วังบัวบาน เหนือน้ำตกห้วยแก้ว เชิงดอยสุเทพ ว่าบทความที่ผ่านมา
มีหลายกระแสที่พูดหรืออ้างถึง คุณบัวบาน ว่าสาเหตุการเสียชีวิตนั้นเกิดจากการผิดหวัง จากความรัก ซึ่งขอเรียนชี้แจงความจริง ดังนี้

คุณบัวบาน เป็นลูกสาวของคุณคำมูล และ คุณขันแก้ว ไชยวงศ์แก้ว เป็นลูกสาวคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 6 คน มีบ้านพักอยู่ถนนตรงข้ามกับ โรงเรียนปรินส์รอย แยลส์วิทยาลัยในเชียงใหม่ ถนนแก้วนวรัฐ คุณบัวบาน มีอาชีพเป็นครูประชาบาล ที่อำเภอดอยสะเก็ด และ ได้ย้ายไปอาศัยบ้านญาติ ของครูชายหนุ่มคนหนึ่ง ระหว่างสอน ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกัน และเป็นเหตุที่ทำให้ครูชายหนุ่มตกหลุมรักครูบัวบานตั้งแต่นั้น โดยที่ครูชายหนุ่มแสดงตนออกนอกหน้าว่าตนหมายปองครูบัวบานและด้วยเหตุนี้ครูบัวบานจึงย้ายที่พักและพยายามตัดสัมพันธ์กับครูชายหนุ่ม ซึ่งความเป็นจริงไม่เคยมีชายหนุ่มจากกรุงเทพฯ หรือนายทหารคนใดมาพัวพันกับครูบัวบาน ตามที่ถูกกล่าวอ้างเลย

ครูบัวบานเป็นครูประชาบาลได้เพียงปีเดียว ก็ลาออกและได้ไปช่วยสอนภาษาไทย ที่โรงเรียนฮั่วเองเนื่องจากพี่ชายคนที่ 3 ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นครูใหญ่ที่นั่น จากนั้นได้ย้ายมาเป็น ครูโรงเรียนพระราชชายา (โรงเรียนดาราวิทยาลัยในปัจจุบัน) จนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (หรือสงครามเอเชียบูรพา พ.ศ. 2484-2488)

ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2488ครูบัวบานได้ร่วมหุ้นเปิดร้านขายยากับเพื่อนสาว คนสนิท ซึ่งมีอาชีพเป็นพยาบาลเคยเรียนที่โรงเรียนดาราวิทยาลัยด้วยกัน จากคำบอกเล่าของญาติสนิท ได้ทราบว่าครูบัวบานประสบปัญหา
ในการร่วมลงทุนในครั้งนี้ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2489 ครูบัวบาน ได้เข้ามาที่บ้าน ก่อนที่จะเรียกสามล้อรับจ้างออกไปทำธุระส่วนตัว นับแต่นั้นก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเลย จนกระทั่งวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2489 ได้มีชาวบ้านไปแจ้งความนายอำเภอเมืองว่า พบศพ หญิงสาว ซึ่งนายอำเภอเมือง พร้อมศึกษาธิการอำเภอเมือง (อดีตศึกษาธิการอำเภอดอยสะเก็ด) ได้ไปยังสถานที่เกิดเหตุ เมื่อพบศพ อดีตศึกษาธิการอำเภอดอยสะเก็ดได้ยืนยันว่าคือศพของครูบัวบาน อดีตผู้ใต้บังคับบัญชา

จากนั้นนายอำเภอจึงได้เขียนหนังสือ เพื่อแจ้งข่าวให้กับคนในครอบครัวครูบัวบานทราบ เพื่อมาดูการชันสูตรศพ ทั้งนี้ การชันสูตรศพไม่พบร่องรอยที่ทำให้สงสัยว่าถูกทำร้าย ไม่มีร่องรอยของการ กระแทกกับของแข็ง ไม่มีการตั้งครรภ์ และไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือถูกข่มขืนแต่อย่างใด

ดังนั้น บิดา พร้อมกับพี่ชายอีก 2 คน จึงลงนามในบันทึกการชันสูตรว่า ได้เสียชีวิตมาตั้งแต่ วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2489 โดยให้เหตุผลว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

ทั้งนี้ การเสียชีวิตของครูบัวบานกลายเป็นข่าวใหญ่ของ เมืองที่เงียบสงบอย่างเมืองเชียงใหม่ในขณะนั้น ข่าวกระพือออกไปหลายทอด หลายรุ่น หลายยุค หลายสมัย และเมื่อหลายสิบปีผ่านไป จึงกลายเป็นคำกล่าวขาน หรือ การบอกต่อว่าสาเหตุการตาย ของครูบัวบานนั้นคือการเสียใจเพราะช้ำรัก และได้กลายเป็นตำนานวังบัวบาน จนถึงปัจจุบัน

สำหรับครูชายหนุ่ม หลังจากที่ถูกตัดความสัมพันธ์จากครูบัวบานนั้นก็ยังคงเป็นครูประชาบาลเรื่อยมา จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงสมัครเป็นปลัดตำบล หลังจากนั้นก็ได้ลาออกมาค้าขาย และได้แต่งงานอยู่กินกับภรรยา จนกระทั่งเสียชีวิต

จากคำกล่าวอ้างในบทความที่ว่า “ครูบัวบาน เป็นคนสวยจนเป็นที่เล่าลือกันทั่วไป ในช่วงที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง (พ.ศ.๒๔๘๒-๒๔๘๘) ครูบัวบานคนสวยเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนวัดฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง เชียงใหม่ ครั้งนั้นได้มีทหารหน่วยราบ จากกรุงเทพฯ ขึ้นมาตั้งอยู่ที่วัดฟ้าฮ่ามด้วย นายร้อยตรีหนุ่มรูปงามในกองทหารนั้นได้สนิทสนมแล้วกลายเป็นคู่รักและได้เสียกันขึ้น ต่อมานายร้อยตรีผู้นั้นกลับลงไปกรุงเทพฯ ตามคำสั่งพร้อมกับคำสัญญา ว่าจะขึ้นมาแต่งงานกับครูบัวบานคนงาม แต่คำสัญญานั้นลงท้ายก็กลายเป็นคำลวงเพราะนายร้อยตรีนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว ครูบัวบานรออยู่นานจนผิดสังเกตและเห็นว่าครรภ์โตมากขึ้น เมื่อแน่ใจว่า ตนถูกหลอกแน่แล้วจึงตัดสินใจไปกระโดดน้ำตาย”

ขอเรียนชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงตามที่กล่าวอ้าง และขอยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องราวการเสียชีวิตของครูบัวบาน เพราะความรักนั้น ล้วนมาจากการบอกเล่าสืบต่อกันมาทั้งสิ้น และไม่เคยมีนายทหาร หรือ หนุ่มเมืองกรุงคนใด
มาพัวพันในชีวิตของครูบัวบานเลย

ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งในตระกูลไชยวงศ์แก้ว และ เป็นหนึ่งในลูกหลานของครูบัวบาน ไชยวงศ์แก้วจึงขอเรียนชี้แจงข้อมูลที่เป็นความจริง จากการบอกเล่าจากคุณย่าบัวเขียว ไชยวงศ์แก้ว (นามสกุลเดิม) ลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวไชยวงศ์แก้ว และน้องสาวคนเดียวของครูบัวบาน ไชยวงศ์แก้ว และขอเรียนว่าเหตุผลที่ชี้แจงฉบับนี้ขึ้นมานั้น ไม่ได้มีเจตนากล่าวหา/เรียกร้อง เพียงแค่ขอร้องในการนำเสนอความเป็นจริง ที่เกิดขึ้นกับคุณย่าบัว บาน ไชยวงศ์แก้ว เพื่อให้นำเสนอข้อเท็จจริง ไม่คลุมเครือ เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมามีการสื่อความหรือบอกเล่าจนทำให้เกิดความเข้าใจกันอย่าง ผิด ๆ กอปรกับคนในตระกูลไชยวงศ์แก้วไม่มีใครทราบว่า จะต้องชี้แจงเรื่องราวนี้ให้ กับใคร หรือหน่วยงานใด จนเวลาล่วงเลยมานานหลายสิบปี ถ้าถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 ก็จะเป็นวันครบรอบ 65 ปี ของการจากไปของครูบัวบาน ไชยวงศ์แก้ว

ทีมข่าวลงพื้นที่เชิงดอยสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ สำรวจความเห็นจากคนเก่าคนแก่ ส่วนใหญ่บอกว่าทราบตำนานเรื่องเล่ามาเหมือนๆ กัน แต่ก็ยอมรับว่าไม่มีใครรู้ความจริง

นายสุเทพ อายุ 68 ปี เจ้าของร้านบริเวณน้ำตกห้วยแก้วซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกบัวบาน บอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมานาน ตอนนั้นตนเองยังไม่เกิดแต่ก็ได้รับรู้เรื่องเล่าจากคนในพื้นที่และคนในครอบครัว แต่ก็ยอมรับว่าความจริงไม่มีใครรู้ เพราะในสมัยก่อนไม่มีการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่ทันสมัยเหมือนทุกวันนี้ และ ก็ไม่มีใครมายืนยันข้อเท็จจริง ทำให้เรื่องเล่าแพร่กระจายต่อๆ กันไปจนกลายเป็นตำนาน ส่วนที่ลูกหลานออกมาชี้แจงก็ต้องยึดเอาความจริงจากทางครอบครัวเพราะใกล้ชิดที่สุด

ขณะที่นายสมบัติ ชัยพนัส ชาวบ้านเชิงดอยสุเทพ เล่าเหมือน ๆ กันว่าตำนานเป็นแบบนี้ แต่เมื่อเรื่องราวถูกเปลี่ยนก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบอะไรด้านการท่องเที่ยว เพราะทุกวันนี้นักท่องเที่ยวส่วนมากก็ไม่ได้ทราบเรื่องตำนาน ที่มาก็มาท่องเที่ยวพักผ่อนธรรมชาติเพราะเป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้เมืองมากที่สุด

ขณะที่ป้าขายดอกไม้หน้าอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย บอกว่า แม้เรื่องจริงจะไม่ใช้การฆ่าตัวตายเพราะอกหักก็ไม่ได้มีผลอะไร เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เป็นเพียงเรื่องเล่า และ ไม่กระทบท่องเที่ยวเพราะนักท่องเที่ยวไม่ได้มาเที่ยวน้ำตกวังบัวบานเพราะตามรอยตำนาน แต่ยอมรับว่าน้ำตกวังบัวบานเคยมีคนมาฆ่าตัวตายแล้วหลายรายแล้ว

ล่าสุด เฟซบุ๊ก SaCha MoWi ของ ดร.โมรยา วิเศษศรี (ศรัญญา ไชยวงศ์แก้ว) ได้โพสต์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ขอชื่นชมการแสดงของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ว่าได้แสดงออกมาแบบทั้งอารมณ์จริงๆ แต่ขอตำหนิผู้บริหารในการละเลยข้อมูลอันบิดเบือนมาใช้ในการแสดงดังกล่าว ซึ่งเป็นการแสดงที่กระทบกระเทือนจิตใจของผู้เป็นญาติพี่น้องของคุณย่าบัวบาน ไชยวงศ์แก้ว เป็นอย่างมากเพราะคุณย่าบัวบาน เป็นชาวคริสเตียน ไม่มีเรื่องของการใช้ชีวิตหลังความตายแบบเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีของเซ่นไหว้ ไม่มียมทูต ไม่มีการกรีดร้อง ตามที่เสนอ ซึ่งทางครอบครัวมีความอ่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทางเรามีความเสียใจที่ได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวเราแล้ว และผิดหวังที่คนเชียงใหม่ด้วยกันกลับมาซ้ำเติมย่ำยีถึงความสูญเสียอันนี้

22/08/2022 ทางญาติรู้สึกดีใจที่ตัวแทนของวงดนตรีดังกล่าวติดต่อกลับมา แต่ที่เสียใจคือตัวแทนแจ้งว่าทางโรงเรียนและวงดนตรีมีข้อมูลทั้งที่เป็นตำนานและข้อเท็จจริงจากทางญาติ แต่ยังเลือกที่จะใช้การแสดงที่อ้างอิงมาจากเนื้อหาของเพลงในการแสดง ซึ่งทางตัวแทนแจ้งว่าจะขอปรึกษาผู้บริหารของโรงเรียนแล้วติดต่อกลับมาอีกครั้ง

23/08/2022 ไม่มีการติดต่อใดๆ จากทางโรงเรียนฯ เข้ามา แต่ทางญาติได้เห็นการชี้แจงของโรงเรียนซึ่งในเนื้อความสื่อสารว่า “ทางวงดนตรีลูกทุ่ง มิได้มีเจตนาที่จะบิดเบือน ปลอมแปลง หรือเปลี่ยนแปลง ข้อมูลชีวประวัติบุคคลหรือตำนานใดๆ ทั้งสิ้น ในทางตรงกันข้าม การแสดงนี้ได้พยายามตีแผ่ถึงประเด็นที่น่าสนใจ ที่สื่อสารกับผู้ชม บอกกล่าวถึงเรื่องราวความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ผิดหวังจากความรัก นำไปสู่การฆ่าตัวตายที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น และพยายามสอดแทรกคำสอนต่างๆ ถึงการฆ่าตัวตายที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคม ณ ปัจจุบัน ”ซึ่งการอ้างอิงดังกล่าวก็เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงถึงการฆ่าตัวตายที่เกิดจากความผิดหวังด้านความรักและการชี้แจงดังกล่าวเป็นการชี้แจงที่ต้องให้ญาติของคุณย่าค้นหาข้อมูลดังกล่าวด้วยตัวเอง ทางโรงเรียนไม่มีการส่งคำชี้แจงให้กับทางญาติเลย ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดของญาติลงไปอีกหากเห็นคอมเม้นต์ต่างๆ ผ่านการสื่อสาร การแสดงดังกล่าวทำให้คนกลุ่มมากเข้าใจว่านี่คือตำนานและเรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริง ขอความเป็นธรรมและความสงบต่อผู้วายชนม์ได้ไหมคะ