ตำรวจแจงผลสอบปมสาวไต้หวัน ยันไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงิน

วันที่ 29 มกราคม ภายหลังจากการประชุม ความคืบหน้าปม สาวชาวไต้หวันอ้างว่า ถูกตำรวจตั้งด่านรีดทรัพย์ดาราสาวชาวไต้หวัน กว่า 2 ชั่วโมง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลนั้น

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังการประชุม ยืนยันว่าขณะนี้ สอบปากคำพยาน ไปแล้ว กว่า 10 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำด่านตรวจ 6-7 คน ,คนขับแกร็บคาร์ ,คนขับรถแท็กซี่ และพยานจากสถานบันเทิงที่นักท่องเที่ยวสาวไปใช้บริการอีกจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงินตามถูกกล่าวอ้าง

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุพยาน ทั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ และกล้องคอมแบทคาเมร่า ที่ติดตัวของตำรวจ ทั้งหมดถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว เบื้องต้นยืนยันแล้วว่า กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ ไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ถึงวันที่เกิดเหตุ เนื่องจากระยะเวลาผ่านเลยมานานกว่า 20 วัน แต่ในส่วนอื่นๆขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาล1 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กับตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว และการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ยืนยันสามารถดำเนินคดีได้ตามพ.ร.บ.ศุลกากร ยืนยันว่าไม่มีใครยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้สาวชาวไต้หวันตามที่กล่าวอ้าง

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเพื่อนชาย ทั้ง 3 คน ที่เดินทางมาด้วยกันในวันเกิดเหตุ ขณะนี้พบว่าทั้ง 3 คน เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 และ วันที่ 9 มกราคม โดยเดินทางตามสาวชาวไต้หวันคนดังกล่าว ซึ่งปลายทางไม่ใช่ที่เดียวกัน โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะให้กองบังคับการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประสานไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจและการไต้หวัน เพื่อให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน เข้าไปสอบปากคำหญิงสาวคนดังกล่าว ทั้งนี้หากตำรวจไต้หวัน ต้องการให้ตำรวจไทยร่วมสอบปากคำด้วย ก็พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบทันที โดยยืนยันว่า ไต้หวันไม่มีอินเตอร์โพล หรือเครือข่ายตำรวจสากลแต่อย่างใด

พล.ต.ต.จิรสันต์ เผยว่า ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทบถึงความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงต้องการให้สาวชาวไต้หวัน รวมถึงพยานเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับตำรวจเพื่อให้กระจ่างมากขึ้น และขอให้สังคมออนไลน์ติดตามข้อมูลต่างๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้ปกป้องหรือทำลายพยานหลักฐานต่างๆเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ทั้งนี้หากพบว่ามีการรีดทรัพย์สาวชาวไต้หวันจริงก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้นทางวินัยและอาญา