ทนายเดชา-นักข่าวบันเทิง เข้าพบตำรวจ หลังถูกหมายจับคดีหมิ่นประมาท “อัจฉริยะ”

ทนายเดชา-นักข่าวบันเทิง เข้าพบตำรวจ หลังถูกหมายจับคดีหมิ่นประมาท “อัจฉริยะ” ลั่น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บัดซบอุบาทว์ที่สุดในประเทศ

(1 ก.ย.65) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ สภ.พระประแดง สมุทรปราการ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ พร้อมด้วย น.ส.ทิพยาภรณ์ อายุ 26 ปี ผู้สื่อข่าวบันเทิง และทนายความของบริษัททีวีพูล ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.พระประแดง ในคดีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้าแจ้งความเอาผิด คดีหมิ่นประมาทตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ กับบุคคลทั้ง 2 ไว้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ทันทีที่เดินทางมาถึง ทนายเดชา ได้ยืนไหว้ศาลพระภูมิ บริเวณด้านหน้าโรงพัก เพื่อเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์และความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเดินเข้าห้องผู้กำกับการของ สภ.พระประแดง โดยหลังจากนั้นทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.พระประแดง ได้แสดงหมายจับต่อทนายเดชา และ น.ส.ทิพยาภรณ์ ซึ่งทนายเดชา แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการออกหมายจับ มองว่าต้องการประจานมากกว่าการจับกุม เนื่องจากหลังจากศาลออกหมายจับ มีการส่งให้สื่อมวลชนออกข่าวทันที โดยที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ก็ยังไม่มีใครทราบเรื่อง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยได้รับหมายศาลเลย พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา

ทางตำรวจชุดสืบสวนก็ชี้แจงว่าฝ่ายสืบสวนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพิ่งได้รับหมายจับจากพนักงานสอบสวนเช่นเดียวกัน ทนายเดชา ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยได้รับหมายเรียกใด ๆ เลย จึงไม่ทราบมาก่อนว่าถูกแจ้งความดำเนินคดี ส่วน น.ส.ทิพยาภรณ์ ผู้สื่อข่าว ตำรวจได้ส่งเอกสารไปยังที่อยู่ตามบัตรประชาชน ที่จังหวัดปทุมธานี แต่ตัว น.ส.ทิพยาภรณ์ นั้น พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ จึงไม่ได้รับหนังสือ อีกทั้งเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงหนังสือขอความร่วมมือ ระหว่าง สภ.พระประแดง กับ สภ.คลองหลวง ซึ่งเป็นที่อยู่ตามบัตรประชาชน ไม่ใช่หมายเรียกแต่อย่างใด ซึ่งตนเองทั้งสอง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง สาธารณชนทราบดี แต่ทางตำรวจไม่ได้มีการติดต่อมายังที่อยู่ปัจจุบันเลย

อีกทั้งตนเองก็ยังไม่ทราบว่าคำพูดที่ทำให้ถูกแจ้งความ เป็นถ้อยคำใด โดยทนายเดชา ระบุว่า หากจะแจ้งความจับ ให้แจ้งจับตนเองเพียงคนเดียว อย่าแจ้งความจับนักข่าว ซึ่งการออกหมายจับนักข่าว ตนเองมองว่าไม่เห็นด้วย

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บัดซบอุบาทว์ที่สุดในประเทศ เพราะประเทศเราคือระบอบประชาธิปไตย นักข่าวคือปากเสียงของประชาชน”

โดยหลังจากนี้ตนเองจะเดินทางไปร้องเรียน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เกี่ยวกับเรื่องการละเมิดสิทธิ์ประชาชน ละเมิดสิทธิ์สื่อมวลชน และจะไปร้องเรียนคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ของ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ที่อาคารรัฐสภา และจะไปร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง

ด้าน น.ส.ทิพยาภรณ์ นักข่าวสาว ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้พาดพิงถึงนายอัจฉริยะ หรือผู้เสียหาย การสัมภาษณ์มันเป็นคำถามที่ตอนนั้นเป็นช่วงคดีดังของคุณแตงโมและคุณแม่แค่นั้นโดยยืนยันว่าไม่ได้มีการพาดพิงถึงนายอัจฉริยะแต่อย่างใด ซึ่งเอกสารที่เกี่ยวกับการแจ้งความนั้นตัวของคนที่เอามาให้ก็เอากลับไปด้วยทำให้ตัวเองไม่รู้ ส่วนตัวแล้วคิดว่ากระบวนการในการดำเนินคดีนั้นมันต้องมีขั้นตอนมากกว่านี้แต่จนถึงขณะนี้ยังคงรู้สึกมึนงงว่าถูกออกหมายจับได้อย่างไรและยืนยันว่าได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนไปตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง