“นรุตม์ชัย บุนนาค” นักการเมืองทรงอย่างแบด แต่ไม่ทำให้แซดแน่นอน

Highlight

  • นรุตม์ชัย บุนนาค ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 กรุงเทพมหานคร เขตยานนาวา – บางคอแหลม จากพรรคไทยสร้างไทย ผู้เปิดตัวพร้อมกับรอยสักบนร่างกาย และนโยบายที่จะผลักดันอุตสาหกรรมสักของเมืองไทยไปสู่ระดับโลก
  • นรุตม์ชัยคือหลานชายของ “มารุต บุนนาค” อดีตประธานรัฐสภาและบุคคลสำคัญของการเมืองไทย ทว่า การเป็นหลานชายของมารุตก็ไม่ได้ทำให้นรุตม์ชัยคิดว่าตัวเองได้เปรียบกว่านักการเมืองคนอื่น เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่ผลงานและการกระทำของตัวเอง ไม่สามารถถ่ายโอนผลงานคุณปู่มาเป็นของเขาได้ 
  • เพราะเป็นคนที่หลงใหลในรอยสัก ทำให้นรุตม์ชัยตั้งใจอยากขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรอยสักของไทย โดยเขาตั้งใจอยากให้สังคมลดอคติและการตีตราผู้มีรอยสัก ขณะที่ร้านสักก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ 

หนึ่งในสีสันของการเลือกตั้ง 2566 ที่กำลังจะมาถึง คือเหล่านักการเมืองหน้าใหม่จากพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ตบเท้าเข้ามาลงศึกเลือกตั้ง แต่ละคนก็มีเรื่องราวและนโยบายที่น่าสนใจแตกต่างกันไป เช่นเดียวกับ “ป๋อม – นรุตม์ชัย บุนนาค” นักการเมืองหน้าใหม่จากพรรคไทยสร้างไทย ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 กรุงเทพมหานคร เขตยานนาวา – บางคอแหลม ที่เปิดตัวพร้อมกับ “รอยสัก” บนร่างกายและนโยบายที่จะผลักดันอุตสาหกรรมสักของเมืองไทยไปสู่ระดับโลก 

พูดคุยกับนรุตม์ชัย นักการเมืองทรงอย่างแบด แต่รับรองว่าไม่ทำให้ใครต้องแซดแน่นนอน ทั้งเรื่องตัวตน ความรักและความหลงใหลในรอยสัก พร้อมนโยบายสนับสนุนศิลปะรอยสักเพื่อสร้างเศรษฐกิจและลดการตีตรา

นักกฎหมายหลานปู่มารุต บุนนาค

ชื่อของป๋อม – นรุตม์ชัย บุนนาค อาจจะเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูมากนักของคนทั่วไป แต่ขอบอกเลยว่าประวัติของนักการเมืองหนุ่มจากพรรคไทยสร้างไทยคนนี้ไม่ธรรมดา เขาคือนักกฎหมายแห่งสำนักงานกฎหมาย มารุต บุนนาค อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ ออฟฟิศ ดีกรีปริญญาโทจากรั้วมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเป็นหลานชายของ “มารุต บุนนาค” อดีตประธานรัฐสภา โดยมารุตถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของแวดวงการเมืองไทย จึงไม่แปลกใจนักหากหลานชายของเขาจะตัดสินใจกระโดดเข้ามาเล่นการเมืองตามรอยคุณปู่

“ก่อนเป็นนักการเมือง ผมก็เรียนกฎหมายมา ตามที่คุณปู่กับคุณพ่อของผมจบมาเลย ผมจบด้านกฎหมายธุรกิจ แล้วก็กลับมาทำงานกับคุณพ่อ มาเป็นทนายความ แต่พอทำงานถึงจุดหนึ่งชีวิตก็เริ่มเป็นวังวน ก็ถามตัวเองว่าเราทำยังไงถึงจะสามารถช่วยเหลือคนได้ ตอนนั้นก็นึกได้อย่างเดียว ก็คือต้องไปอยู่การเมือง” 

“การเป็นหลานปู่ก็เป็นผลบวก แต่ของพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถ่ายโอนกันได้ มันไม่ใช่ที่ดินหรือเงินในบัญชีที่อยากให้ลูกหลานก็เซ็นโอนไป เราเทียบเคียงว่าผมเป็นหลานปู่ คุณปู่ผมคือคนนี้ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็กลับมาดูว่าคุณปู่มารุต บุนนาคทำแบบนี้ ๆ แล้วนรุตม์ชัย บุนนาคล่ะ ทำอะไรบ้าง คุณมีทัศนคติอย่างไร มีบุคลิกอย่างไร ความรู้ความสามารถเป็นอย่างไร มันก็ตัดสินกันที่ตรงนี้ด้วย ถามว่าเริ่มจากศูนย์ไหม ผมมองว่าเริ่มจากศูนย์ เพราะผมไม่ได้มองว่าต้องเอาสิ่งที่คุณปู่ทำมาเป็นตัวตั้งต้น เพื่อให้ตัวเองก้าวเร็วกว่าคนอื่น สุดท้ายแล้วทุกอย่างกลับมาที่ตัวเรา ความสามารถ ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ตรงนี้แหลเป็นตัวชี้วัดว่าเราจะเติบโตและไปได้ไกลแค่ไหน” 

นักการเมืองผู้หลงใหลในรอยสัก

“ผมชอบรอยสักตั้งแต่อายุ 14 เพราะผมดูรายการที่เกี่ยวกับรอยสัก ผมบอกกับคุณพ่อคุณแม่ว่าผมอยากสัก แม่ตบโต๊ะ ถามว่าลูกจะโตขึ้นเป็นคนไม่ดีเหรอ แต่พออายุ 18 ผมเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็ไปสักเลย” 

จากลายสักยันต์ค่อย ๆ พัฒนาสู่รอยสักสวยงามที่นรุตม์ชัยบอกกับเราว่า ภาพที่เลือกสักบนร่างกายมีความหมายแฝงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรูปนางฟ้าที่เขาอยากสื่อถึงคุณแม่ของตัวเอง หรือตัวอักษร “your last cry” สะท้อนภาพชีวิตในช่วงวัยรุ่นเกเรของตัวเอง ที่ทำให้คนในครอบครัวต้องร้องไห้หลายครั้ง หรือภาพปืนพร้อมไพ่ 5 ใบ ที่สื่อความหมายว่านรุตม์ชัยไม่ชอบความพ่ายแพ้ และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้รับชัยชนะ อย่างไรก็ตาม นรุตม์ชัยก็ยอมรับว่าบางภาพที่สักไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่ที่เลือกสักลายนี้เพราะความชอบเท่านั้น

“ตอนแรกผมก็มีความกังวล แต่พอย้อนนึกกลับไป ผมก็ไม่เห็นว่าพอทำงานแล้วมันจะเป็นอุปสรรคอะไรเลย เรื่องตรงนี้คนเขาก้าวข้ามผ่านไปเลย เพราะมองว่าเราทำงานให้เขาได้ และเราก็ทำได้ดีด้วย ดังนั้น ตอนแรกที่เข้ามาทำงานการเมืองก็มีความกังวล แต่พอถึงจุดหนึ่ง ผมก็รู้ว่าความลับมันปิดไม่ได้ ในท้ายที่สุด ต่อให้ผมจะสัก ผมก็ทำให้พี่น้องประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม” 

นโยบายเพื่ออุตสาหกรรมรอยสัก

นรุตม์ชัยเปิดตัวพร้อมนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมรอยสัก เช่นเดียวกับการลด “อคติ” ที่มีต่อคนที่มีรอยสัก เขาชี้ว่าตัวเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยถูกตั้งคำถามและตีตรา ดังนั้น เมื่อมีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในแวดวงการเมือง เขาก็อยากจะใช้โอกาสนี้ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมรอสักของไทยให้ไปถึงระดับโลก 

“ผมว่ารอยสักเป็นสิ่งที่ไม่มีใครให้ความสนใจ ทุกคนละเลย ปล่อยมันออกไป ผมพูดแทนคนมีรอยสักได้อย่างเต็มปาก เพราะผมเองก็มี ทุกอย่างที่คนมีรอยสักเจอ ผมก็เจอ ทุกอย่างที่ผู้ประกอบการร้านสักควรต้องได้ ควรต้องถูกผลักดัน ผมก็รู้ ผมเลยต้องผลักดันเรื่องนี้ให้ได้ก่อน” 

“ผมว่าคนที่สักเหมือนผม จะมีหัวอกเดียวกัน คือจะโดนดูไม่ดีบ้าง โดนดูถูกบ้าง โดนเลือกปฏิบัติบ้าง ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งคนที่เจอมาเหมือนกัน ตอนนี้ผมมองว่า เมื่อผมมาเป็นผู้สมัคร ส.ส.​แล้ว ความตั้งใจก็คือจะทำยังไง ในวันที่เป็น ส.ส. เราจะทำให้ตรงนี้มันเจือจาง หรือหมอไปได้ก็ยิ่งดี ในอีกทางหนึ่ง อุตสาหกรรมสักเมืองไทยกำลังเติบโต หลายคนไม่รู้ว่าเรามีช่างสักคนไทยไปได้รางวัลระดับโลกเยอะมาก อุตสาหกรรมสักในเมืองไทยยังไม่ได้รับการโปรโมตอย่างเต็มที่ อันนี้ก็เป็นความตั้งใจของผม ในแง่ของคนมีรอยสัก ต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ผู้ประกอบการร้านสักต้องได้รับการสนับสนุน ถ้าเรามีตรงนี้ สนับสนุนทั้งหมด ผมว่าอุตสาหกรรมสักจะไปได้ไกล และน่าจะมีอะไรสวยงามเกิดขึ้นอีกเยอะ” นรุตม์ชัยกล่าวปิดท้าย