ป้าโร่แจ้งความ เพื่อนบ้านทะเลาะเรื่องต้นไม้ขู่เอาปืนกรอกปาก ค้นหาความจริงอ้าวคดีพลิก!

ป้าโร่แจ้งความ เพื่อนบ้านทะเลาะเรื่องต้นไม้ขู่เอาปืนกรอกปาก ค้นหาความจริงอ้าวคดีพลิก ชื่อเสียงของป้าเลื่องลือในหมู่บ้าน

(4 พ.ค. 66) เวลา 13.00 น. พ.ต.ต.ภูบดี ไชยลังกา สว.(สอบสวน) สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากน.ส.วิไรวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ว่าเมื่อตอน 21.00น. ของวันที่ 3 พ.ค. 66 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ตนได้ถูกเพื่อนบ้านขู่จะเอาปืนมา “ยิงกรอกปาก” เพราะทะเลาะกันเรื่องต้นไม้ แค่บอกให้เพื่อนบ้านมาตัดออก ต้นไม้ที่ปลูกล้ำมาเขตแดนบ้านตน

ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงต่ดต่อไปยัง น.ส.วิไรวรรณ หรือ วัน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง เมื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าตัวก็เล่าว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ช่วงเช้าตนได้พยายามคุยกับเพื่อนข้างบ้าน 2 สามีภรรยา ขณะขับรถออกไป แต่ไม่ยอมคุยกับตน แถมปิดกระจกรถใส่ ตนก็รู้สึกโมโห ตนคิดว่าสาเหตุที่ 2 สามีภรรยาไม่คุยด้วยเพราะเขาเคยชวนตนไปทำงานด้วย แต่ตนปฏิเสธอาจทำให้ไม่พอใจจึงเป็นเหตุไม่คุยกับตน เพราะตนแค่จะบอกว่าให้มาตัดต้นไม้แต่ไม่ยอมคุย เพราะ 2 สามีภรรยา ได้ปลูกต้นไม้และล้ำเข้ามาเขตแดนบ้านตนเป็นเดือนแล้ว จึงอยากจะไปบอกให้มาตัด เพราะไม่กล้าไปตัดเอง

จนเวลา 21.00น. ตนก็บ่นกับลูกสาวและลูกเขยภายในบ้าน บ่นถึงเรื่องทั่วไปและก็ต้นไม้ที่เพื่อนบ้านปลูกล้ำออกมา โดยพูดเสียงดังภายในบ้านเพราะตนเป็นคนเสียงดังอยู่แล้ว ต่อมา 2 สามีภรรยาได้เดินออกมา และก็ยืนด่าสบถคำใส่ตนไปมาตนก็ตอบโต้ จนนายเต้ยได้ไปเอามีดมาตัดต้นไม้ให้และถามตนว่าถ้าตัดให้จะจบไหม ตนก็บอกว่าจบ และยังขู่ตนว่า “ถ้ามึงพูดมาก กูจะเอาปืนกรอกปากมึง” แต่ก็ไม่เห็นว่า 2 สามีภรรยามีปืนอยู่ในขณะที่ขู่ตน ส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไรกับ 2 สามีภรรยา แต่มาขู่ตนถึง 3 รอบ ตนจึงกลัวอันตราย และเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านค่าย ในที่สุด

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง น.ส.วัลภา อายุ 35 ปี หรือ โบว์ เพื่อนบ้านคู่กรณี ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เพื่อหาความจริงเรื่องดังกล่าว โดยโบว์เล่าว่า บ้านหลังดังกล่าว ชอบดื่มเหล้าและทะเลาะกันเสียงดังลั่นเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อนบ้านละแวกนี้รู้ดี ทะเลาะกันจนลูกสาว และลูกเขยหนีออกไปหมด โดยช่วงเกิดเหตุ วันที่ 3 พ.ค. เวลา 23.50 น. ตนกลับบ้านมา และกำลังจะอาบน้ำ จังหวะนั้นตนได้ยินเสียงด่ากันลั่นภายในบ้าน ตนก็ยืนฟังจนได้รู้ว่าเพื่อนบ้าน น.ส.วิไรวรรณ นั้นด่าตน ตอนแรกก็รู้สึกงงที่โดนด่าเรื่องต้นไม้เพราะตอน 9 โมงเช้า (3 พ.ค.) ตนยังตัดต้นไม้ออกให้อยู่เลย หลังจากได้ยินคำด่าสามีตนชื่อ นายเต้ย ก็เดินออกไปที่หน้าบ้านของเพื่อนบ้านและถามว่า “พูดว่าอะไร” เขาก็ตอบว่า “ต้นไม้มึงขวางล้ำเข้ามารบกวน” จึงยืนสบถคำใส่กันอยู่นาน

เวลา 23.52 น. ต้นจึงโทรแจ้ง 191 ให้มาระงับเหตุ หลังจากนั้นสามีตนก็ไปเอามีดมาตัดต้นไม้ให้ ขณะที่ตัดต้นไม้ก็ไม่ได้พูดตอบโต้อะไรมาก น.ส.วิไรวรรณ ก็ด่าตนไม่หยุด จึงบอกกับ วัน ว่า ถ้าตัดให้จะจบไหม เขายังด่าไม่หยุด สามีตนจึงขู่ไปว่า “ถ้ามึงพูดมาก กูจะเอาปืนกรอกปากมึง” เพื่อให้เขาหยุดด่า หลังจากนั้นลูกสาว น.ส.วิไรวรรณ ก็ได้เดินออกมาขอโทษจึงแยกย้ายกัน แต่ น.ส.วิไรวรรณก็ยังด่าตนอยู่ ตนและเพื่อนบ้านหลังอื่นๆ ก็ทนมานานกับพฤติกรรมเพื่อนบ้านหลังนี้ที่กินเหล้าเมาแล้วทะเลาะกันเสียงดังจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแบบนี้ จนต้องทำกำแพงสูงและปลูกตนไม้เพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากข้างบ้าน

ส่วนเรื่องที่บอกว่าตนไปชวนให้น.ส.วิไรวรรณมาทำงานด้วย ตนไม่เคยชวนเลยสักครั้ง มีแต่ น.ส.วิไรวรรณ มาขอทำงานเอง และต้นไม้ที่ปลูกแล้วไปล้ำบ้าน น.ส.วิไรวรรณ ตนก็ตัดของตนอยู่ประจำ อยู่ดีๆมามีปัญหากับตน ไม่รู้ว่าเค้ามีปัญหาเรื่องสุขภาพหรือเครียดอะไรหรือเปล่า เพราะพี่สาวของ น.ส.วิไรวรรณ เคยพูดว่า น.ส.วิไรวรรณ เองเคยมีปัญหาเรื่องของสุขภาพจิต อยากให้ครอบครัวนำตัวไปรักษา หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ หลังจากนี้ตนก็จะไปแจ้งความกลับเหมือนกันเพราะตนเองก็คือผู้ได้รับความเดือดร้อนมาก่อน

นายนรินทร์ และน.ส.อะตอม เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน ก็เล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า บ้านหลังดังกล่าวชอบเวลากินเหล้า ทะเลาะกันเสียงดังลั่นบ้านอยู่ห่างไป 3 หลังยังได้ยิน แถมมาปล่อยสุนัขขับถ่ายเรี่ยราด

พ.ต.ต.ภูบดี ไชยลังกา สว.(สอบสวน) สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง หลังได้รับแจ้งความร้องทุกข์จาก น.ส.วิไรวรรณ เตรียมเรียกฝั่งคู่กรณีเข้ามาพบ เพื่อสวบสวนถึงสาเหตุดังกล่าว พร้อมให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน หากทั้งคู่ไม่ไกล่เกลี่ยก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป