ผบ.ทร. เผยสาเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง น้ำเข้าแล้วสูบออกไม่ทัน งบกู้ซาก 200 ล้าน

ผบ.ทร. เผยสาเหตุหลัก เรือหลวงสุโขทัยอับปาง น้ำเข้าแล้วสูบออกไม่ทัน ยืนยันว่า มีเสื้อชูชีพเพียงพอกับกำลังพล 105 คนประจำเรือ

กรณี เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ล่าสุด (10 ก.พ. 66) พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เผยว่า ปัจจุบันผลการสอบสวนมีความก้าวหน้า โดยสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกำลังพลที่รอดชีวิต หน่วยงานที่เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือกำลังพล รวม 289 ปาก เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการเรียบเรียงผลการสอบสวน

สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เรือจมนั้น เพราะเมื่อน้ำเข้าเรือแล้วไม่สามารถสูบน้ำออกได้ทัน เรือจึงเสียอาการ และทำให้เรือเอียงก่อนจมลงในที่สุด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องพิจารณาทั้งเรื่องธรรมชาติและ Human error ใช่หรือไม่ พลเรือเอก เชิงชาย กล่าวว่า โดยสมมุติฐานเรืออับปาง มีการตั้งประเด็นหลายประเด็น เราจะมีการนำเสนอสิ่งที่ประชาชนสงสัยในทุกประเด็น ทั้งการจมของเรือ เสื้อชูชีพ

ซึ่งจากการตรวจสอบอัตราของเรือหลวงรัตนโกสินทร์ และเรือหลวงสุโขทัย มีอัตราที่เพียงพอกับกำลังพล ทั้งที่อยู่ในเรือ 120 – 130 ตัวซึ่งเรือ 2 ลำนี้ เป็นเรือชุดเดียวกันอัตราเท่ากัน เราได้ตรวจสอบอัตราเสื้อชูชีพจากกรมพลาธิการ ที่ได้จ่ายแจกให้เรือทั้ง 2 ลำแล้ว และดูการเบิกเปลี่ยนเสื้อชูชีพล่าสุดว่ามีจำนวนเท่าใด ก็ยืนยันว่า มีเสื้อชูชีพเพียงพอกับกำลังพล 105 คนประจำเรือ

ส่วนขั้นตอนที่ว่าบางคนมีและบางคนไม่มีนั้นอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนทั้งในส่วนของกำลังพลของเรือ รวมถึงกำลังพลที่มาสมทบจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินและ คุยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ซึ่งเรื่องนี้มีความชัดเจนและสามารถชี้แจงต่อประชาชนได้เพราะสามารถสอบถามพยานที่รอดชีวิตทุกคนว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ทั้งเรื่องของเรือจมและบางคนที่ไม่มีเสื้อชูชีพ และขณะเรือใกล้จะจมช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้น

ผบ.ทร. ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการกู้เรือว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเรือจมอยู่ในระดับน้ำลึก 40 – 50 เมตร ดังนั้นการนำเรือขึ้นมาจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หากมีอุบัติเหตุหรือทำให้เรือเสียหายเพิ่มมากขึ้น จะทำให้วัตถุพยานต่างๆไม่สามารถนำมาพิสูจน์ได้ จึงจำเป็นต้องเฟ้นหาบริษัทที่มีขีดความสามารถ มีเครื่องมือที่กู้เรือขึ้นมาได้เพื่อนำมาสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเหตุใดถึงได้จมลง ขณะนี้ยังมีขั้นตอนการพิจารณา จากบริษัทที่นำเสนอเพิ่มเข้ามา ท้ายที่สุดคือเรื่องของงบประมาณที่จะใช้ในเรื่องนี้ ซึ่งจะต้องมีการนำเสนอไปที่หน่วยเหนือให้พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งกองทัพเรือจะเป็นส่วนพิจารณาว่า จะใช้งบฯสำรองที่กองทัพเรือมีอยู่ หรือจะต้องขอจากรัฐบาล ตอนนี้ยังไม่ทราบวงเงินที่ชัดเจน ต้องรอคณะกรรมการชุดกู้เรือนำเสนอขึ้นมา

เมื่อถามว่า ประมาณการว่าจะใช้งบประมาณจำนวนเท่าใด พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า เท่าที่ทราบตัวเลขคร่าวๆ น่าจะ สูงกว่า 200 ล้านบาท ในการนำเรือขึ้นมาและนำเข้าฝั่ง

ผบ.ทร. กล่าวด้วยว่า ในส่วนของผู้สูญหาย5 รายนั้นได้มีการเยียวยาจากในส่วนของกองทุนรวมใจไทยกองทัพเรือ และ ทุนประกันชีวิตหมู่ ได้มีการจ่ายเงินไปแล้ว 2,000,000 บาท ซึ่งส่วนที่เหลือต้องรอให้ศาลสั่งว่าเป็นผู้สูญหายก่อนตามกฏหมายจึงจะมีการดำเนินการจ่ายเงินที่เหลือได้ ทั้งนี้กองทัพเรือได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิตและสูญหายอย่างต่อเนื่องด้วย