พระพยอม สวนกลับเพจดัง โพสต์บอกพระให้เงียบปาก บิณฑบาตไม่ต่างกับสัตว์รออาหาร

เพจดังโพสต์แรง พระบิณฑบาตไม่ต่างกับสัตว์รออาหาร “พระพยอม” ตอบกลับ ไม่มีสิทธิ์ห้ามปากพระ ไม่ให้เทศน์ให้สอน  

จากกรณีดราม่าชาวบ้านประมาณ 30 หลังคาเรือนในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของเพื่อนบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นระดับผู้อำนวยการโรงเรียน นำอาหารมาโปรยให้นกพิราบกินที่หน้าบ้านเป็นประจำทุกวัน จนทำให้จำนวนรกพิราบที่มารอกินอาหารเพิ่มขึ้นทุกวัน จนกลายสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จากมูลนกและขนนก ที่ขับถ่ายเปรอะเปื้อนไปทั่วหมู่บ้าน กลายเป็นประเด็นดราม่าระหว่างคนรักสัตว์กับคนที่ไม่เห็นด้วย

จนกระทั่งต่อมามีผู้สื่อข่าวนำเรื่องนี้ไปถามความคิดเห็นกับ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ก่อนที่พระพยอมจะให้สัมภาษณ์ว่า การทำบุญให้อาหารสัตว์จนทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนนั้น อาจจะไม่ได้บุญแต่จะได้บาปไปแทน เพราะนำมาซึ่งความขัดแย้งในชุมชน และยังติงไปถึง ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าว ที่นำอาหารมาให้นกพิราบด้วยว่า ควรจะมีวิจารณญาณในการทำบุญให้ทานที่เกิดประโยชน์มากกว่าโทษ ถ้าทำบุญแล้วมีโทษ ก็จะได้บุญไปส่วนหนึ่งและบาปไปอีกส่วนหนึ่ง เพราะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านส่วนหนึ่ง จะทำบุญก็ขอให้ฉลาดหน่อย

ต่อมา มีเพจเฟซบุ๊กหน่วยงานช่วยเหลือสัตว์เพจหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า ภิกขุ แปลว่าผู้ขอ…ภิกขาจาร จึงหมายถึงการที่ผู้ขอต้องตระเวนไปเพื่อหาอาหารใส่ปากใส่ท้องแล้วมันต่างอะไรกับหมาที่รอความเมตตาขออาหารจากคนให้ข้าว !! คนที่ให้ข้าวหมาจร เขาไม่ได้หวังว่าบุญพาวาสนาส่งอะไรหรอก เขาเพียงแต่เมตตาเวทนาสัตว์ด้อยโอกาสจึงขวนขวายหาทางทำให้อิ่มท้อง ด้วยการหาอาหารมาให้สัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก นี่คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่คนในสังคมเดียวกันนี่แหละเป็นคนสร้างปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยการทอดทิ้งสัตว์ ถ้าพิจารณาลำดับปัญหาและการแก้ไข ต้นเหตุและปลายเหตุของปัญหาไม่ได้ ก็เงียบปากไปเลยดีกว่าไหม #อย่าได้ออกมาพ่นเรื่องไร้สาระที่ไม่รู้จริงแล้วออกมาพูดให้คนรักสัตว์ต้องระคายใจ เสื่อมเปล่าๆ มิฉะนั้นการให้อาหารสัตว์จะต่างกันยังไงกับใส่บาตร

ซึ่งจากโพสต์ดังกล่าวแล้ว ทำผู้คนในโลกโซเซียลเสียงแตกเข้าไปต่อว่า ว่าใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมที่ไปต่อว่าและเสียดสีพระพยอม ทั้งๆ ที่ท่านเป็นพระพูดตรงไปตรงมาในทุกๆ เรื่อง

ทางด้านพระพยอม กัลยาโณ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถ้าจะประชดประชันเปรียบเทียบแดกดันแบบนั้นมันไม่เกิดประโยชน์ ต้องยึดเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎก “ทานังวิจายสุขตปสัตถัง” พระองค์ไม่สรรเสริญคนให้มาก คนให้น้อย คนให้เก่ง คนให้ถี่ แต่สรรเสริญคนที่ใคร่ครวญดีแล้วจึงนำออกให้มากกว่า คำว่าเมตตานั้นต้องมาพร้อมกับคำว่าปัญญาด้วย ไม่ใช่เมตตาด้วยอวิชชา มันใช้ไม่ได้ เพราะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น

อาตมาอยากถามกลับไปดูว่า อาตมาพูดว่าการให้อาหารสัตว์ควรจัดเป็นโซนนิ่ง เป็นจุดเป็นสถานที่ไปเพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น อาตมาไม่ได้พูดว่าห้ามไปให้อาหารสัตว์ เพราะถ้าอาตมาไปพูดแบบนั้นอาตมาจะเป็นพระไม่ได้เลย การที่จะมาเปรียบเทียบแดกดันแบบเมตตาอวิชชานั้น พอถูกพูดเตือนหน่อยก็จะเกิดความเครียดแค้น เดือดดาล จึงต้องมีปัญญาเข้ามากำกับไว้ ถึงจะรู้ว่าเป็นการพูดเตือนของอาตมา และก็ไม่มีใครมีสิทธิมาห้ามปากพระไม่ให้เทศน์ ไม่ให้สอนหรือเตือนสติเช่นกัน