รวบ “เบียร์ ดอนเมือง” จอมปีนฝ้า ล่วงละเมิดเด็กหญิง เหยื่อทนทุกข์พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง

ปิดล้อม 3 ชั่วโมง รวบเบียร์ ดอนเมือง ล่วงละเมิดเด็กหญิงอายุ 13 ปี

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 , สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายพิเชษ หรือ “เบียร์ ดอนเมือง” อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 หมู่ที่ 3 ตำบลบุ่งเลิศ อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีที่ 226/2566 ลงวันที่ 24 ก.ค. 66 ข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตามโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู๋ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” โดยจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 63/10 ม.6 ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานีพบประวัติต้องโทษคดีอาญา 3 คดี

1.วันที่ 10 ส.ค. 55 ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองฯ” พื้นที่ สภ.สามโคก

2.วันที่ 6 ก.พ. 56 ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” พื้นที่ สภ.สามโคก

3.วันที่ 25 เม.ย. 66 ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี” พื้นที่ สภ.สวนพริกไทย (คดีนี้)

พฤติการณ์กล่าวคือ นายพิเชษ หรือ “เบียร์ ดอนเมือง” ได้คบหากับหญิงสาวคนหนึ่ง โดยอยู่กินด้วยกัน ซึ่งบ้านอยู่ใกล้กันกับบ้านของ “เหยื่อ” เด็กหญิงสาวซึ่งอายุเพียง 13 ปี โดย นายพิเชษฯมักไปมาหาสู่และพบกันบ่อยครั้งกับเหยื่อหญิงสาวรายนี้โดยผิวเผินนั้นก็ดูเป็นเพียงผู้ใหญ่กับเด็กหญิงสาวทั่วไป หากแต่ในทุกครั้งที่ นายพิเชษฯ ได้พบกับเหยื่อหญิงสาวรายนี้ นายพิเชษฯ จะพยายามล่วงละเมิดทั้งทางกายและวาจา กล่าวคือ จะพยายามจับต้องร่างกาย ลูบขา ลูบหน้าอก หรือบางครั้งรุกรามไปถึงการล้วงอวัยวะเพศของเหยื่อหญิงสาวรายนี้อยู่ตลอดเวลาเมื่อสบโอกาส ซึ่งเหยื่อเด็กหญิงรายนี้ต้องทนทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างมาก เพราะความสัมพันธ์ของผู้ล่วงละเมิดนั้นเป็นญาติใกล้ตัว ไม่สามารถจะบอกใครได้

อีกทั้งที่อยู่อาศัยยังใกล้กับบ้านของนายพิเชษฯ จำใจต้องทนทุกข์ทรมานไม่ต่างจากนรก และด้วยวัยเพียง 13 ปี ทำให้เธอ “พยายามฆ่าตัวตาย” อยู่หลายครั้ง กระทั่งญาติของเธอได้สังเกตถึงความผิดปกติจึงได้จูงมือเหยื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับในที่สุด ซึ่งเมื่อเจ้าตัวทราบได้หลบหนีไปผลุบๆโผล่ๆไม่ต่างจากผีไร้ศาล แต่ก็ยังพยายามที่จะไปดักพบกับเหยื่อหญิงสาวรายดังกล่าวอยู่ตลอด ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายจับ นายพิเชษฯ ในที่สุดซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่างพยายามระดมกำลังติดตามตัว นายพิเชษฯ อยู่ตลอดเพราะเข้าใจถึงหัวอกของครอบครัวเหยื่อเป็นอย่างดี หากแต่ว่าการติดตามจับกุมนั้นไม่สามารถจับกุมตัวได้สักที

แม้จะสืบทราบแล้วว่าอยู่ที่ใดแต่เมื่อเดินทางไปตรวจสอบ ตัวนายพิเชษฯ ก็หายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย กระทั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.สวนพริกไทย ได้ประสานมายัง “สืบนครบาล” ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาลพร้อม “นักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110” ลงพื้นที่ติดตามจากเบาะแสเดียวที่มีคือ “นานๆจะกลับมาหาแฟนสักครั้ง” เฝ้าแฝงตัวในชุมชน เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์กระทั่งในคืนวันที่ 28 ก.ค. 66 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ รับแจ้งเบาะแสสำคัญว่า นายพิเชษฯ ได้กลับมาหาแฟนสาวในชุมชนอีกครั้ง ภายหลังจึนำกำลังเข้าไปปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวทันที แต่เมื่อเคาะประตูเรียก ปรากฏว่าภายในบ้านไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ซ้ำยังพยายามปิดไฟภายในบ้านจนหมดทำเสมือนว่าไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน

ชุดสืบสวนจึงนำกำลังปิดล้อมเกลี้ยกล่อมนายพิเชษฯ อยู่เป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง กระทั่งตัวแฟนของนายพิเชษฯ ได้ยอมให้ผู้นำชุมชนเข้าตรวจสอบภายในบ้าน แต่ก็ “ไร้เงา” นายพิเชษฯ  ด้วยประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ตรวจค้นจึงขอเปิดฝ้า” ซึ่งเมื่อเปิดฝ้าดูก็พบเจ้าตัว นอนซ่อนตัวอยู่บนฝ้าเพดาน สุดท้ายเจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมจนยินยอมลงมามอบตัว และทำการจับกุมตัวตามหมายจับ โดยขณะจับกุมเหล่าชาวบ้านในชุมชนต่างให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ถึงวีรกรรมของนายพิเชษฯ ว่ามีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กหญิงอีกหลายคน

ในชั้นจับกุม นายพิเชษ ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนไม่ได้มีอะไรกับเด็กคนนั้นเลย โดยเมื่อประมาณปลายเดือน เม.ย. 66 ช่วงนั้นโรงเรียนปิดเทอม เด็กคนนั้นก็พักอยู่บ้านเดียวกับตน เพราะเกี่ยวข้องกันเป็นหลานของเมีย วันนั้นประมาณ 10 โมง เด็กคนนั้นก็อยู่บ้านกันสองต่อสอง ตนก็ใช่ให้ช่วยยกพัดลมเข้ามาในห้องเพราะอากาศมันร้อน เด็กคนนั้นก็ช่วยตนยกพัดลมเข้ามาในห้อง ตอนนั้นตนก็ได้แตะเนื้อต้องตัวเด็กคนนั้นไปนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำมิดีมิร้าย

ระหว่างนั้นแม่เลี้ยงของเด็กเข้ามาเห็น แล้วก็โวยวายว่าตนจะทำอะไรเด็ก ตนจึงบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แต่แม่เลี้ยงก็ไม่เชื่อ จะพาเด็กคนนั้นไปแจ้งความจับตน ตนก็บอกว่าอยากให้จบเรื่องโดยได้เสนอเงินให้จำนวน 15,000 บาท คุยกันไปคุยกันมาแม่เลี้ยงคนนั้นก็ไม่เอาแล้วก็พาเด็กคนนั้นไปแจ้งความ ตนจึงได้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่าแถวดอนเมืองเพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลาย แต่ตนก็ยังยืนยันว่าไม่ได้ทำมิดีมิร้ายต่อเด็กคนนั้น” นำตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวนพริกไทย ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากการตรวจสอบคนร้ายรายนี้เป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีลักษณะของอาการ “ใคร่เด็ก” และยิ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเด็กหญิงรายใด ต้องถือว่าเด็กคนนั้นตกอยู่ในอันตราย ชุดสืบสวนสามารถจับกุมผู้ต้องหาถือว่าน้องสามารถใช้ชีวิตโดยปลอดภัย จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนคนที่ที่บุตรหลานของท่านเคยตกเป็นเหยื่อของคนร้ายรายนี้ โปรดแจ้งเบาะแสมาที่เราทางเพจเฟสบุ๊ค สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง และแม้จะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที