“สมชาย” ชี้ แก้ ม.272 ปิดสวิตซ์ สว. ไม่ง่าย แนะ “ก้าวไกล” ยุติแนวคิด-ลดขัดแย้ง

“สมชาย” ชี้ แก้ ม.272 ปิดสวิตซ์ สว. ไม่ง่าย ขู่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ระบุพฤษภาคม 67 ก็หมดวาระแล้ว แนะก้าวไกล ยุติแนวคิดแก้ 272 เพื่อลดความขัดแย้ง

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีการเดินหน้าแก้ไขมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ สว. ซึ่งหากเรื่องนี้เข้าสู่วาระที่ 1 จะขอยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเงื่อนไขตามมาตรา 272 เป็นบทเฉพาะกาลที่เกิดขึ้นจากการทำประชามติที่ตั้งคำถามพ่วงเข้ามาว่า การแก้ไขจะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าจะสามารถแก้ไขได้หรือไม่

เพราะมาตราดังกล่าวผ่านการทำประชามติมาแล้ว ถ้าย้อนกลับไปดูให้ดีทำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยชัดเจนว่า รัฐสภามีหน้าที่ทำได้ ในเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกรัฐธรรมนูญ ถ้าแก้ไขก็ใช้มาตรา 256 อนุ 8 แต่ทำไมมาตรา 272 ถึงไม่อยู่ ในมาตรา 256 อนุ 8 เพราะมาตรา 272 ถูกแยกทำประชามติ

โดยการทำประชามติตอนนั้น คำถามแรก คือ รับรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่ มีผู้เห็นด้วยถึง 16 ล้านเสียง ส่วนคำถามที่ 2 แยกมาตรา 272 ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ เป็นบทเฉพาะกาล 5 ปีแรก ที่ให้รัฐสภาเห็นชอบนายกรัฐมนตรี ซึ่งประชาชนลงประชามติเห็นชอบ 15 ล้าน 2 แสนเสียง เพราะฉะนั้นประเด็นข้อกฎหมายคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยไว้ต่อเนื่องมาตลอดว่า องค์มติที่ให้กำเนิดรัฐธรรมนูญ องค์กรที่เกิดภายใต้รัฐธรรมนูญ

ก็คือรัฐสภา ถ้าสภาฯ รับหลักการแก้ไขในวาระ 1 แล้วผ่านไปสู่วาระ 2 แล้วไปโหวตวาระ 3 ไม่ว่ากระบวนการจะอยู่ขั้นใด ก็ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีประชามติรับรองไว้ ดังนั้น ถ้าจะแก้มาตรา 272 โดยให้ยกเลิก ต้องกลับไปถามประชามติ เพราะข้อกฎหมายไปอย่างอื่นไม่ได้ ก็ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสภากระทำเกินอำนาจหน้าที่ตัวเอง แต่ถ้าทำประชามติก็ต้องใช้เงินประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท

นอกจากนี้ ถ้าไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมีประเด็นค้างอีกว่า ตกลงสภาจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าข้อบังคับที่ 41 ที่สภาลงมติ ตามข้อบังคับ 151 แล้ว ไม่ขัดหรือแย้ง ก็เดินหน้าในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะได้วันที่ 20 กว่าๆ ถ้าไม่มีเหตุสะดุด แต่ถ้าสภาฯ รับหลักการไปในวันนี้ ตนต้องคัดค้าน ก็ต้องมีคำถามว่า ตกลงสภาจะเอาอย่างไรจะใช้หรือไม่ใช้มาตรา 272

เกิดวาระ 3 สภาเห็นชอบกันขึ้นมา แล้วบอกว่าให้กลับไปใช้หลักตามมาตรา 159 ที่สภาผู้แทนเลือก แล้วที่จะเลือกนายกฯ ในมาตรา 272 จะทำอย่างไร อันนี้ก็จะเป็นปัญหา ซึ่งตนทักท้วงด้วยข้อกฎหมาย ไม่ได้จะไปขัดแย้งในเรื่อง 272 แต่เห็นว่ามีปัญหาข้อกฎหมาย และเห็นว่าหมดความจำเป็นที่จะใช้มาตรา 272 ต่อไปแล้ว

เพราะการโหวตนายกฯ คนที่ 30 อันใกล้นี้ น่าจะได้ในระยะเวลาไม่นานนี้ และคงไม่มีการมาใช้เสียง สว. ซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภาร่วมในการโหวตนายกฯ คนถัดไปอีก เพราะเราไม่ได้เลือกนายกฯ รายเดือน อย่างน้อยคนหนึ่งก็ต้องอยู่ 3-4 ปีตามวาระ ดังนั้น วุฒิสภาชุดนี้ก็หมดวาระแล้ว อำนาจหน้าที่ที่ได้รับมาตามประชามติมาตรา 272 ก็หมดวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ซึ่งบทเฉพาะการมีในรัฐธรรมนูญรายมาตรา แต่มาตรานี้พิเศษเพราะมีการถามประชามติที่ชัดเจน

ส่วนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กฎหมาย พ.ร.บ. อื่น ที่มีบทเฉพาะกาล ก็ให้ใช้เฉพาะชั่วคราวในช่วงเปลี่ยนผ่าน บางฉบับก็มีบทเฉพาะการ 180 วันบ้าง 1 ปีบ้าง 2 ปีบ้าง อันนี้ก็แบบเดียวกัน เพราะหากผ่านระยะเวลาไปแล้วบทเฉพาะกาลนั้นก็ไม่ใช้ ให้กลับไปใช้บทหลัก ดังนั้นรัฐธรรมนูญมาตรานี้ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ก็กลับไปใช้บทหลัก ถ้ารัฐธรรมนูญ 60 ยังอยู่ต่อ การเลือกนายกฯก็ไปเข้ากระบวนการตามมาตรา 88 / 89 / 159 โดยสภาผู้แทนราษฎรเลือกกันต่อไป

บทเฉพาะกาลเกิดขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่าน จากช่วงรัฐธรรมนูญ 60 ช่วง 5 ปีแรกเท่านั้น ก็ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ 40 และ 50 มา ก็มีวิกฤตการเมืองเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งการชุมนุมการรัฐประหาร เกิดความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นการเดินหน้าประเทศไป ก็มีบทเฉพาะกาลที่ประชาชนให้ความเห็นชอบ ว่าให้รัฐสภาร่วมให้ความเห็นชอบ หมายความว่า สส. เป็นผู้เสนอ สว. เป็นผู้ร่วมพิจารณาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะให้ยกเลิกมาตรา 272 ให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง เพราะในที่สุดมาตรานี้ก็จะสิ้นผลไปตามอายุของมัน โดยปกติไม่มีความจำเป็นต้องพิจารณา