เชื่อไม่มีลิมิต ลัทธิประหลาด! ย้อนดูคดีดัง ความเชื่อบังตา ความปรารถนาจึงปรากฎ

ฉันจึงเป่าคาถาเพื่อให้เธอหลงใหล เสกปัสสาวะปั้นกับขี้ไคล ทำให้เธอคลั่งไคล้

ฟังเผินๆ เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ความเชื่อความศรัทธา กลายเป็นแรงปรารถนา ที่พร้อมจะสร้างหรือดลบันบาลอะไรก็ได้ให้เกิดขึ้นมา

เฉกเช่นลัทธิประหลาดที่เกิดขึ้นมาจากความศรัทธาของสาวกทั้งหลาย แม้คำสอนจะดูแปลกไป แต่ถ้าอยู่ในภวังค์ อยู่ในส่วนหนึ่งของพิธีการ คำว่าเป็นไปไม่ได้ไม่มีอยู่จริง ย้อนดูลัทธิประหลาดที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทยบนความเชื่อที่คาดไม่ถึง

ลัทธิล้างสมอง เอาน้ำร้อนราดตัวเอง

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกช่วยเหลือ 3 รายเป็นอดีตพยาบาลในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่ลาออกและมาทำธุรกิจร่วมกับนายทุนผู้คลั่งลัทธิ เจ้าลัทธิจะยัดเยียดหนี้ให้กับทั้ง 3 คน เป็นจำนวนถึง 140 ล้านบาท ทั้งที่แท้จริงทั้ง 3 ถูกนายทุนหลอกลวงทรัพย์สินไปรวมความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5,000,000 บาท

ทั้งนี้เจ้าลัทธิจะใช้จิตวิทยาขั้นสูง ในทางจิตเวช จนทำให้เหยื่อมีความรู้สึกศรัทธา รู้สึกรักเป้าหมาย รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ผิด สมควรแล้วที่ถูกกระทำ

เหยื่อทั้งหมด 5 ราย เป็นเด็ก 2 ราย และผู้ใหญ่ 3 ราย ซึ่งผู้ใหญ่ทั้ง 3 รายทั้งหมดถูกโกนหัว และย้อมผมสีเขียว บริเวณใบหน้าถูกทำร้าย มีเหยื่อ 2 รายถูกน้ำร้อนลวก ที่เกิดจากการเอาน้ำร้อนราดตัวเอง

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมเจ้าลัทธิทั้ง2 ราย คือ นายฮารุ อายุ 39 ปี และ นายตรีอายุ 20 ปี

ลัทธิพระบิดา กินฉี่ อึ เสมหะ ขี้ไคล รักษาโรค

พบชายสูงอายุ ลักษณะผมยาวหงอกขาว อ้างตัวว่าเป็นพระบิดาของทุกศาสนา ไม่อาบน้ำมานานหลายเดือน พร้อมสั่งให้ลูกศิษย์กินปัสสาวะ กินเสมหะ กินอุจจาระ รวมถึงขี้ไคล อ้างว่าเป็นยารักษาโรค

ยิ่งไปกว่านั้น จากการตรวจสอบในสำนัก ยังพบเจอศพมากถึง 11 ศพ ซึ่งคนในสำนักอ้างว่า เป็นร่างผู้เสียชีวิตที่รอการขึ้นสวรรค์

ทั้งนี้พระบิดาจะสอนให้ลูกศิษย์ที่อยู่ร่วมกัน ให้มีความเอื้อเฟื้อแบ่งปัน และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ทั้งยังมีการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โดยสมุนไพร ซึ่งเรื่องที่ใครจะกินขี้ไคลหรือปัสสาวะของพระบิดานั้น ก็อยู่ที่ความสมัครใจและไม่ได้บังคับ

ส่วนศพที่เก็บไว้ในอาศรม ก็เพื่อรอการขึ้นสวรรค์ พระบิดาบอกว่าไม่ต้องทำพิธีฌาปนกิจ ซึ่งทุกคนก็เห็นควรตามนั้น และศพก็ไม่เน่าเหม็น ลูกศิษย์บางคนก็รู้สึกว่าศพมีกลิ่นหอม บางคนก็ก้มลงไปสูดดื่มปัสสาวะจากหลุม พร้อมทั้งใช้ช้อนตักขึ้นมาทาหน้าทาตัวอีกด้วย

ลัทธิบูชาพระอินทร์ แม่ฆ่าลูก

“เสียสละชีวิตหนูให้แม่เถอะลูก และเสียงเหยื่อตอบกลับว่า ทำหนูทำไม อย่าทำหนูเลย ก่อนจะเงียบไป จึงเชื่อว่าเด็กหญิงอาจถูกสังหารทันทีที่พูดจบ”

บทสนทนาที่คาดว่าเป็นเสียงอ้อนวอนจากหนูน้อยที่ถูก แม่และญาติ สังหารเพื่อบูชาพระอินทร์ตามความเชื่อ

ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 ใน อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพบร่างเด็กหญิงวัย 12 ขวบ นอนจมกองเลือด โดยลำคอมีบาดแผลจากของมีคมปาดซ้ำไปมาหลายครั้งจนหลอดลมขาดและพบมีดอีโต้เปื้อนเลือดใกล้ศพ โดยข้างๆมีโต๊ะที่มีกะละมังใส่น้ำที่แช่เส้นผมจำนวนหนึ่ง ดูคล้ายกับว่าเป็นพิธีทางไสยศาสตร์

ซึ่งผู้ต้องหาไม่ใช้ใครที่ไหนแต่เป็นญาติของเด็กทั้งหมด 4 คน คือนางกาญจนา อายุ 50 ปี (แม่ของเด็ก) ,นางบัว อายุ 68 ปี (ยายของเด็ก) ,นางอนงค์ อายุ 45 ปี (น้าของเด็ก),น.ส.จรินทร์ อายุ 32 ปี (น้าของเด็ก)

และผลการตรวจสภาพจิตของผู้ลงมือก่อเหตุทั้ง 4 คน พบว่าทั้งหมดมีอาการป่วยทางประสาทและเชื่อว่าพวกตนเป็นร่างทรงของพระอินทร์ พระอาทิตย์ และพระจันทร์ จึงได้ได้ฆ่าเด็กหญิง ซึ่งเป็นลูกสาวของนางกาญจนา เพราะเชื่อว่ามีความชั่วร้ายติดตัวเด็กหญิงอยู่ และต้องฆ่าเธอเพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณให้ไปอยู่กับพระอินทร์

ความเชื่อช่างเป็นเครื่องมีที่มีอำนาจอย่างแท้จริง ถ้าหากทำให้ใครเชื่อ มีแรงศรัทธา ถึงแม้พสุธา ก็มิอาจขวางกั้น นรก สวรรค์ ก็แค่ปากซอย จะใช้ความเชื่อดลบันดาลสิ่งใด ก็ขึ้นอยู่ที่ใจของใครไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เจ้าลัทธิ