เมียหลวงวัย 63 แทงเมียน้อยวัย 53 จบปัญหารักคาราคาซังนาน 9 ปี ด้วยความตาย

เมียหลวงวัย 63 แทงเมียน้อยวัย 53 จบปัญหารักคาราคาซังนาน 9 ปี บอกรู้สึกเฉยๆ ที่คู่กรณีตาย ปล่อยตามชะตากรรม

(24 ก.ย.65) เมื่อเวลา 14.00 น. ขณะที่ ร.ต.อ.ชินาธิป บัวเข็ม รอง สว.สอบสวน สภ.โนนสะอาด ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก นางเพ็ญจันทร์ หรือ ตุ๋ย อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 205 หมู่ 13 ต.บุ่งแก้ว อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี พร้อมญาติ ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน หลังจากก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับนางวิไล อายุ 53 ปี ก่อนที่นางเพ็ญจันทร์จะใช้มีดปอกผลไม้แทงนางวิไล จนบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หน้าบ้าน หมู่ 1 ต.บุ่งแก้ว อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของนางวิไล เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2565 ขณะที่นางวิไล อาศัยอยู่กับสามีคือ นายทองใบ อายุ 63 ปี ,นายอาทิตย์  อายุ 50 ปี น้องชาย และลูกชายของนางวิไล 2 คน ขณะที่นางวิไลกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวหลังบ้าน นางเพ็ญจันทร์ ภรรยาหลวงของนายทองใบ ได้ขับรถจักรยานยนต์มาที่บ้าน ก่อนที่จะเรียกนายทองใบ ที่นอนอยู่ในบ้านให้ออกมาพูดคุยกัน แต่นายทองใบไม่ออกมา จังหวะที่นางจันทร์เพ็ญภรรยาหลวงใช้มือทุบที่รถกระบะของนายทองใบเพื่อเรียกสามีให้ออกมา นางวิไลภรรยาน้อยได้ตะโกนด่าทอออกมาจากหลังบ้าน จนเกิดการโต้เถียงท้าทายกันออกมาทะเลาะที่หน้าบ้าน ก่อนที่นางวิไลจะถือท่อนไม้ยูคาลิปตัส ออกมาทำร้ายร่างกายนางจันทร์เพ็ญ ทั้งคู่ต่อสู้กันชุลมุนอยู่บริเวณถนนหน้าบ้านอยู่สักพัก จังหวะสุดท้ายนางจันทร์เพ็ญ ตัดสินใจชักมีดปลอกผลไม้ที่พกติดตัวมาแทงสวนไป 1 ครั้ง ก่อนที่จะวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่กลับบ้านตัวเองที่อยู่ห่างไปประมาณ 2 กม. ระหว่างทางได้ทิ้งมีดที่ก่อเหตุไว้ที่ตู้น้ำมันหยอดเหรียญกลางหมู่บ้าน ส่วนนางวิไลตะโกนบอกลูกชายให้มาช่วย และนายทองใบได้เร่งนำตัวส่ง รพ.โนนสะอาด

ต่อมาเวลา 22.00 น. คืนเกิดเหตุ นางจันทร์เพ็ญ ได้บอกลูกสาวและญาติพามาแจ้งความว่าถูกนางวิไลทำร้ายร่างกาย และไปตรวจร่างกายที่ รพ.โนนสะอาด ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกท่อนไม้ตีที่ศีรษะ ใบหน้า และแขนทั้งสองข้าง กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 24.00 น. ได้รับแจ้งว่านางวิไลได้เสียชีวิตแล้ว หลังส่งตัวมารักษาต่อ รพ.อุดรธานี เบื้องต้นพบบาดแผลถูกแทงเข้าที่ใต้ราวนมซ้าย 1 แผล จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้นางจันทร์เพ็ญ เข้ามอบตัว และเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 กันยายน 2565 พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นตรวจสอบและเก็บหลักฐาน พร้อมตรวจยึดมีดปอกผลไม้ ความยาว 22 ซม. ไม้ยูคาลิปตัส ยาว 90 ซม. และยาว 40 ซม. คาดว่าเป็นไม้ท่อนเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้าน สถานที่จัดงานสวดอภิธรรมศพนางวิไล โดยมีญาติพี่น้องที่ทราบเรื่องต่างเดินทางมาช่วยจัดเตรียมงาน บรรยากาศโดยรวมเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งมีลูกสาวคนเล็กและครอบครัวของนางจันทร์เพ็ ภรรยาหลวงมาร่วมงานและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสองพูดคุยกันด้วยดี โดยจะมีกำหนดการฌาปนกิจศพในวันจันทร์ ที่ 26 กันยายนนี้

นางเพ็ญจันทร์ ภรรยาหลวง เล่าว่าตนแต่งงานอยู่กินกับนายทองใบนานกว่า 40 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ชาย 1 หญิง 2 ตนเองมีอาชีพทำนา ส่วนสามีทำงานก่อสร้าง เมื่อ 9 ปีที่แล้ว สามีเริ่มปันใจไปคบหากับนางวิไล อย่างเปิดเผย ซึ่งทั้งสองทำงานก่อสร้างด้วยกัน ช่วงแรกสามีก็ยังกลับมาที่บ้าน ระยะหลังก็หายไป มารู้อีกครั้งก็พบว่ามาอาศัยอยู่กับนางวิไล เมียน้อยอย่างไม่เกรงใจตน พอกลับบ้านมาก็ดื่มเหล้าจนเมา หาเรื่องทะเลาะกับตน ด่าทอตนด้วยคำหยาบคาย แต่ไม่เคยลงมือทำร้าย จนตนเองปลงไปแล้ว ย้ายไปอยู่กระท่อมนาคนเดียว ทำนา เลี้ยงสัตว์ หาเลี้ยงชีพคนเดียว แต่ไม่ได้หย่าร้างกับนายทองใบ ก่อนหน้านี้สามีหายจากบ้านไปนานกว่า 1 ปี บอกเพียงว่าจะไปทำงานก่อสร้างในเมืองอุดรธานี และจะกลับมาเมื่อวานนี้ตามที่สามีเคยบอกไว้ ตนโทรไปหาก็บอกว่ายังไม่กลับ แต่คนงานอื่นๆ ในหมู่บ้านที่ไปด้วยกันได้กลับมาแล้ว ตนจึงขับรถจักรยานยนต์ไปดูที่บ้านนางวิไล ภรรยาน้อย ก็เห็นรถกระบะขอสามีจอดอยู่ข้างบ้าน จึงเดินเข้าไปเรียกสามี แต่ก็มาทะเลาะกับนางวิไล จนนางวิไล ได้คว้าท่อนไม้มาทุบตีตน แต่ตนสู้ไม่ได้ จึงล้วงเอามีดปลอกผลไม้ที่พกไว้ในกระเป๋าถือออกมาแทงสวนไป 1 ครั้ง จนภรรยาน้อยทิ้งไม้และล้มลง ตนจึงรีบขี่รถจักรยายนต์กลับบ้านทันที โดยไม่รู้ว่านางวิไล จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เมื่อรู้ว่าเขาตายแล้ว ตนก็รู้สึกเฉยๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องกฎหมายและชะตากรรม

นายอาทิตย์ น้องชายของนางวิไล เล่าว่า ตอนนั้นพี่สาวกำลังทอดหมูเป็นอาหารเย็น พอนางเพ็ญจันทร์ ภรรยาหลวงมาถึงก็ส่งเสียงเอะอะเรียกสามี พี่สาวตนจึงตะโกนด่ากับนางเพ็ญจันทร์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงกัน เพราะเกิดการทะเลาะกันบ่อยมาก ตนจึงไม่ได้สนใจ ลูกชายของพี่สาวก็ไม่ได้สนใจ ไม่นานได้ยินเสียงพี่สาวเรียกลูกชายคนเล็กให้มาช่วย ตนก็วิ่งไปดู พบว่าพี่สาวนั่งเหยียดขาเอามือซ้ายกุมหน้าอกเอาไว้ แต่ยังไม่หมดสติ จึงเรียกนายทองใบให้รีบนำตัวไปส่งโรงพยาบาล ไม่นึกว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายถึงเพียงนี้ เสียใจที่พี่สาวต้องมาจากไป รู้ดีว่าทั้งสามคนมีปัญหาเรื่องนี้ ตนเคยบอกพี่สาวแล้วว่าทำให้มันถูกต้อง ให้เขาเลิกกันให้เด็ดขาดถึงมาคบกัน ส่วนสามีคนแรกของพี่สาวเลิกรากันไปนานแล้ว ก่อนที่จะมาอยู่กินกับนายทองใบ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานางจันทร์เพ็ญ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร แต่ยังไม่มีการควบคุมตัวนางจันทร์เพ็ญฯ เนื่องจากไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และจะนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 26 กันยายน 2565