แฉลัทธิหลอกพยาบาล ใช้จิตวิทยาขั้นสูง เหยื่อตาสว่างเพราะสัญชาตญาณความเป็นแม่

แฉลัทธิหลอกพยาบาล เหยื่ออ้างเอาน้ำร้อนราดตัวเอง มีแค่เด็กที่พูดความจริง เรื่องแดงเพราะสัญชาตญาณความเป็นแม่ ทนเห็นลูกถูกทำร้ายไม่ได้

พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี สาวประเภทสอง กักขังผู้เสียหายโดยใช้จิตวิทยาขั้นสูง ล่าสุดสามารถจับทั้ง2 ราย ได้แล้ว นายฮารุ อายุ 39 ปี และ นายตรีเพชรรัตน อายุ 20 ปี ในข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น”

  • บุกช่วย 3 อดีตพยาบาล ถูกนายทุนล้างสมอง ทารุณกักขังให้ใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้าน

ตอนที่เข้าไปจุดเกิดเหตุเห็นว่าบนใบหน้าหน้าตรงดวงตาของเด็กทั้ง 2 มีรายฟกช้ำคล้ายถูกทำร้าย เมื่อถามว่าโดนอะไร เด็กบอกว่าโดนแม่ตบ ที่แม่ตบเพราะมีคนสั่งให้ตบ ก็คือคนที่ควบคุม ทราบชื่อนายหลังนายตรีเพชรรัตน์

พล.ต.ต.ธีรเดช ระบุด้วยว่า เป็นคดีที่มีพฤติกรรมค่อนข้างประหลาด ตอนเข้าไปเจอเหยื่อทั้งหมด 5 ราย เป็นเด็ก 2 ราย และผู้ใหญ่ 3 ราย ซึ่งผู้ใหญ่ทั้ง 3 รายทั้งหมดถูกโกนหัว และย้อมผมสีเขียว บริเวณใบหน้าถูกทำร้าย ซึ่งเหยื่อ 2 รายที่ถูกน้ำร้อนลวก เห็นสิ่งปกติ เมื่อถามว่าแผลเกิดจากอะไร เหยื่อทุกคนบอก เอาน้ำร้อนราดตัวเอง มีแค่เด็กที่พูดความจริงว่าใครสั่งให้ทำร้าย

ขณะสอบเห็นสภาพจิตของเด็กไม่พร้อม ตอนนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์และนักจิตวิทยาตอนแรกเข้าไปเจอเด็กหญิง 2 คน แต่พอมาแยกสอบค่อยพบว่าเป็นเด็กตัวเล็กเป็นเด็กผู้ชาย แม่เด็กบอกว่า ผู้ต้องหาที่ชื่อฮารุ ที่เป็นสาวสอง อ้างว่าเกิดวันเดียวกัน จึงอยากให้เป็นแบบเหมือนกันจึงให้แต่งตัวเป็นผู้หญิง

จากการสอบสวนพบว่าทุกคนไม่ติดใจเอาเรื่องผู้ต้องหา มีเพียงแม่เด็ก เมื่อได้สติ สัญชาตญาณคว่าเป็นแม่กลับมา จึงอยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

สำหรับการแจ้งข้อหาค่อนข้างยาก เพราะทุกคนสมัครใจถูกควบคุม ถูกซ้อม หรือถูกราดน้ำร้อน ทุกคนจะบอกว่าที่โดนกระทำเพราะตัวเขากระทำความผิด ใช้จิตวิทยาขั้นสูง ในทางจิตเวช จะทำให้มีความรู้สึกศรัทธา รู้สึกรักเป้าหมาย รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ผิด สมควรแล้วที่ถูกกระทำ แต่ด้วยความเป็นแม่เห็นลูกตัวเองถูกตบ ถูดราดน้ำร้อน จึงลุกขึ้นมาขอความช่วยเหลือจากอดีตสามี

การติดตามตัวผู้ต้องหายากมาก เพราะเหยื่อบอกว่า ผู้ต้องหาเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น ชื่อ “ปาร์ค โซ ซอน” เมื่อมานิติบุคคลกลับได้ข้อมูลว่าผู้ต้องหาเป็นหมอ ทำงานสถานทูต

จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ต้องบอกว่าสมแล้วที่พฤติกรรมเลวร้าย เพราะเป็นนักจิตวิทยาตัวยง ไม่บอกชื่อ ไม่ให้การใดๆ กับตำรวจ เว้นแต่ตำรวจจะติดตามได้เอง ขณะเดียวยังพบเอกสารยินยอมลูกทั้ง 2 คน ที่เขียนด้วยลายมือแม่ ยกให้ผู้ต้องหา และต้องสอบสวนขยายผลต่อว่าเข้าข่ายกระบวนการค้ามนุษย์หรือไม่

ส่วนผู้ควบคุม เป็น นศ.มหาวิทยาลัยชื่อดัง เข้ามาเพราะอยากเป็นนักแสดง เป็นคนควบคุมและสั่งการในการทำร้าย ในการราดน้ำร้อนต่างๆถือว่าร่วมกระทำผิด

ขบวนการนี้เป็นการอุปโลกน์ให้เหยื่อกู้หนี้ยืมสิน 140 ล้านบาท แต่ละวันต้องทำงานหาเงินให้ได้ตามคำสั่ง เช่น 60,000 บาทต่อวัน บางรายต้องขายบ้าน ขายรถ ที่นา ถ้าหาไม่ได้ก็จะทำโทษตามพฤติการณ์ที่กล่าวไป ขณะนี้มีผู้เสียหายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์กำลังทยอยเข้ามาแจ้งความและให้ข้อมูล เบื้องต้นพบว่ามีประมาณ 10 กว่าคน

ส่วนเส้นทางการเงินของนายฮารุ กำลังตรวจสอบเนื่องจากการทำธุรกรรม นายฮารุไม่ได้ใช้ชื่อตัวเอง เพราะเคยโดนคดีฉ้อโกงมาก่อน 1 คดี

ขณะที่นายแบงค์ อายุ 42 ปี อดีตสามีของนางสาวไพริน และเป็นพ่อของเด็กที่ถูกช่วยเหลือทั่ง 2 คน เปิดเผยว่า ตนเองและอดีตภรรยาได้แยกกันอยู่มากว่า 2 ปีแล้ว โดนครั้งล่าสุดเมื่อปลายปี 2563 ไพริน ได้ไลน์ไปในกลุ่มแชทครอบครัวว่า “ไม่ต้องห่วงตอนนี้มีคนดูแลแล้ว” จากนั้นก็ออกจากกลุ่มแชท แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยจนกระทั่ง ช่วงเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ได้ส่งข้อความมาทักทายปกติ จากนั้นไม่นาน ก็แชทมาบอกว่า “ล้มแล้ว” จึงได้สอบถามแล้วทราบว่า ไม่มีเงิน ต้องหาเงินไปปิดยอดหนี้ หากใช้ยอดหนี้นี้จนหมดจะสบายขึ้น ตนเองจึงให้การช่วยเหลือไปจำนวน 6 หมื่นบาท หลังจากได้เงินไปครั้งนั้น อดีตภรรยาก็พยายามให้คนช่วยเหลือในการนำโฉนดที่ดินไปฝากขาย รวมถึง ให้ตนเองช่วยขาบอาหารเสริมเพื่อนำเงินไปให้อดีตภรรยาใช้หนี้ ตนสงสารจึงยอมช่วยเหลือ

จนกระทั่งมีแชทลับส่งมา คำว่า “เละเลย” ตนจึงถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทราบว่า อดีตภรรยาถูกสาดน้ำร้อน ถูกทำร้ายร่างกาย มิหนำซ้ำ ลูกสาวและลูกชายของตนเองก็ถูกทำร้ายร่างกายเช่นกัน และอดีตภรรยาบอกว่าต้องการออกจากที่นี่ ให้ช่วยเธอหน่อย ตนเองจึงไปร้องหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ จึงนำหลักฐานไปร้องตำรวจนครบาล จึงนำไปสู่การจับกุม

นายแบงค์ ยังบอกอีกว่า อดีตภรรยา ไปรู้จักกับปาร์ค ซอยอ จากกลุ่มขายอาหารเสริมและชักชวนกันไปลงทุน โดยอ้างว่าจะดูแลความเป็นอยู่และค่าเล่าเรียนของลูกๆ ซึ่งช่วงแรกจะพาไปทำบุญ วิปัสสนา บูชาพระเจ้า และสาบานว่าจะเริ่มชีวิตใหม่ จากนั้น ผู้ก่อเหตุก็ให้ไปเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เป็นชื่ออัญมณีทั้งหมด และยังพูดจาหว่านล้อมให้อดีตภรรยาหลงเชื่อจนลาออกจากงานประจำไปอยู่กับผู้ก่อเหตุ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมอดีตภรรยาถึงไม่หลบหนีออกมา นายแบงค์ เล่าว่า ผู้ก่อเหตุจะใช้วิธีในการหลอกผู้เสียหาย ว่าเป็นหนี้ กว่า 100 ล้าน จากการลงทุนอาหารเสริม และบังคับให้ผู้เสียหายทุกคนทำงานหาเงินมาให้วันละ 6 หมื่นบาท เพื่อชดใช้หนี้ หากหาไม่ได้ก็จะทำร้ายร่างกายด้วยการนำน้ำร้อนสาดตัวเอง ด้วยความสมัครใจที่จะยอมถูกลงโทษ

และจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ผู้เสียหายตื่นจากภวังค์ เพราะว่าผู้ก่อเหตุให้ลูกทั้งทั้งสอง เรียกผู้ก่อเหตุว่าแม่ และเรียกแม่ว่า คุณ และยังบังคับให้แม่ตบทำร้ายร่างกายลูก และผู้ก่อเหตุยังสร้างเรื่องหลอกว่า พ่อแท้ๆ ของเด็กนั้นทิ้งไป สร้างความเกลียดชังให้กับเด็กต่อพ่อแม่ อีกทั้ง ผู้ก่อเหตุยังบังคับให้เด็กชาย แต่งหญิง และอ้างว่า เกิดวัน เดือนเดียวกันอยากให้เป็นเหมือนกันกับผู้ก่อเหตุ