5 ไอเทมเด็ดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 65 ยกขึ้นมาแล้วมีเฮ

ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย ส.ส. ฝ่ายค้านต่างก็งัดลูกเล่นต่างๆ มาประกอบการอภิปรายในสภา โดยเฉพาะไอเทมลับต่างๆ ที่จะช่วยสร้างสีสันให้เนื้อหาที่อภิปรายน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หรือไม่ก็สร้างเรื่องให้คู่พิพาทจบไม่ลง

กระจกกระชากใจ (นายกฯ)

ไอเทมแรกที่บาดตากระแทกใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องยกให้ “กระจก” ของ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายในประเด็นความไม่โปร่งใสงบประมาณก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ซึ่งในช่วงท้ายการอภิปราย อมรัตน์ ยกกระจกเงาขึ้น พร้อมพูดว่า

“สุดท้ายที่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งนั้นคือกระจกบานนี้ เพราะท่านปิดคอมเมนต์ในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ซึ่งประชาชนไม่มีสิทธิ์ที่จะสะท้อนความรู้สึกไปยังท่านได้ ตนอยากบอกว่ากระจกบานนี้เวลาที่ท่านชี้หน้าใครบอกว่าก่อความวุ่นวายก่อความไม่สงบให้มองที่กระจกบานนี้ เวลาที่ท่านเที่ยวชี้หน้าใครบอกไม่มีมารยาท ไม่รักชาติให้มองที่กระจกบานนี้ และเวลาที่ท่านว่าใครไม่อ่านประวัติศาสตร์ก็ให้ท่านมองที่กระจกบานนี้ ทั้งหมดคนคือในกระจก” อมรัตน์ กล่าว

 

จากนั้นเธอก็เดินไปหน้าบัลลังก์เพื่อยื่นกระจกให้ พล.อ.ประยุทธ์ ส่องทันที ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า “เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ใช้โอกาสไปกราบสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในโอกาสวันอาสาฬหบูชาถวายธูปเทียนพรรษา และตนก็ได้ ขอแบ่งขอมอบให้กับทุกคนด้วย เนื่องในช่วงเวลาอันเป็นมงคลนี้ให้กับทุกคนด้วย เนื่องในช่วงเวลาอันเป็นมงคลนี้กับทุกคนทุกท่าน ก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะรับได้รับไม่ได้ก็แล้วแต่ เพราะว่าทุกอย่างก็เป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมดีก็ย่อมได้รับกรรมดี ทำกรรมไม่ดีก็คงปรากฏต่อไป ตนก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ทำให้ดีที่สุด แต่อาจจะไม่ดีในสายตาของท่าน ก็ไม่เป็นไร วันนี้ท่านบอกว่าชื่อของตนมีความหมายนู่นนี่ ก็ไปคิดเอาแล้วกันว่าคำว่า ‘ตู่กับเตี้ย’ ความหมายเหมือนกันหรือไม่ คงไม่เหมือนกันหรอกนะ แต่ไปดูว่าประโยชน์อะไรใครทำมากกว่า ตนเห็นว่าท่านก็เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ท่านบอกว่าท่านศึกษาประวัติศาสตร์ ก็ดีครับ ท่านก็ศึกษาประวัติศาสตร์ส่วนที่ดีไว้บ้าง ก็แล้วกันสิ่งที่ท่านทำหลายๆ อย่างก็ปรากฏแล้วว่าเป็นเรื่องของการเกี่ยวข้องกับการก้าวล่วงสถาบันของชาติ ซึ่งตนรับไม่ได้อยู่แล้ว และตนจำเป็นต้องพูด”

นอกจากนี้นายกฯ ยังระบุ ถึงเรื่องกระจกด้วยว่า “ส่วนในเรื่องกระจก ผมไม่ค่อยได้ใช้กระจก”

ทำให้อมรัตน์ กลับมาประท้วงขอใช้สิทธิ์พาดพิง โดยระบุว่า เมื่อสักครู่ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงตนว่าก้าวล่วงสถาบันตรงไหน และข้อหามาตรานี้ผิด มีโทษร้ายแรง อยู่ดีๆ จะมาปากพล่อยว่าคนอื่นอย่างนี้ได้อย่างไร อย่ามั่ว เที่ยวพูดตีขุมแบบนี้ ก่อนที่ได้ ชวนหลีกภัย ประธานในที่ประชุมจะปิดไมโครโฟนของอมรัตน์

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงอีกครั้งว่า เวลาอมรัตน์พูดอะไรมาทั้งหมด ตนก็ฟังได้ และท่านก็ฟังตนบ้าง ตนไม่ได้ว่าอะไรที่เกินความเป็นจริงเท่าไหร่ ว่าไปดูในคดีต่างๆ ก็มีอยู่หลายคดีเหมือนกัน ก็ไปเตรียมต่อสู้คดีเอาแล้วกัน ทำให้อมรัตน์ ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่า นายกรัฐมนตรีได้พาดพิงโดยขอให้ถอนคำพูดทั้งสองอย่าง โดยระบุว่ามาตรา 112 เป็นมาตราร้ายแรง จะมาเที่ยวป้ายให้ใครแบบนี้ได้อย่างไร นี่ก็เอาเด็กไปเข้าคุกไม่ยอมปล่อยไม่ให้ประกัน อย่ามั่ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีพูดสวนกลับมาว่า

“ผมไม่ได้ป้าย ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับกระบวนการ”

เหตุนี้ทำให้นางอมรัตน์ ลุกขึ้นกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีถอนคำพูด โดยนายกรัฐมนตรีได้สวนกลับว่า

“ผมไม่ถอน” 

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องปิดไมโครโฟนของอมรัตน์อีกครั้ง และกล่าวว่าขอให้ฟังประธาน โดยชวนกล่าวว่า เราอภิปรายเขาก็หนัก เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถอน โดยขอให้นายกรัฐมนตรีนั้นอภิปรายต่อ และตนคิดว่าดีที่สุดคือเราต้องระมัดระวัง

“มนพร” แจกกล้วยจี้ปม “คารม”          

นางมนพร เจริญศรี ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าขอให้ประชาชนจดจำสิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ได้ร่วมกันเข่มฆ่าอนาคตของลูกหลานคนไทย ได้ทำลายสังคมครอบครัวที่อบอุ่น ได้ทำลายระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยว สภาผู้แทนราษฎรตกต่ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกประณามจากสังคมภายนอก จากพฤติกรรมของสมาชิกเอง ที่ทำลายอุดมการณ์ของพี่น้องประชาชนที่เลือกมาและพรรคในสังกัด

นางมนพรนำเสนอภาพสไลด์ประกอบการอภิปรายเป็น ภาพกราฟิกสัปปายะสภาสถาน ที่มีเครือกล้วยตั้งอยู่เหนือสุดของอาคารรัฐสภา พร้อมทั้งอภิปรายว่า พรรคเล็กๆ ทั้งหลาย ท่านไม่ต้องไปสนใจว่าท่านจะได้กล้วยกี่หวี ตอนนี้ดิฉันมีกล้วยอยู่แล้ว

ระหว่างนั้น นายคารม พลพรกลาง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงผู้อภิปราย คำพูดที่ว่า “พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันเข่มฆ่า” แต่มนพร ไม่ถอนคำพูด เพราะสมาชิกที่ลุกขึ้นย่อมรู้แก่ใจว่าท่านทำอะไร ดิฉันจึงต้องขอชูกล้วย ใครต้องการกล้วยให้มารับที่ดิฉัน นอกจากนี้ นางมนพร ยังชูกล้วยหอมขึ้นมา 3 ลูกจากโพเดียม

นายคารม ยังลุกขึ้นประท้วง และยืนยันว่ามนพรต้องถอนคำพูด พร้อมทั้งกล่าวว่า “ผมไม่เคยรับกล้วยใคร” จนมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม ปิดให้ประท้วงแล้ว

พัด-เตามหาเศรษฐี ประหยัดพลังงาน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงเรื่องพลังงานที่มีราคาแพงไม่ได้เกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามยูเครนรัสเซีย แต่เป็นเพราะรัฐบาลห่วยแตกโหล่ยโท้ย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องโทษโน้นโทษนี่ ซึ่งมาตรการรอบใหม่ลดค่าครอบชีพช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลทั้ง 8 ข้อนั้น โดยเฉพาะขอความร่วมมือประหยัดพลังงาน วันนี้ตนขอหยิบวิธีประหยัดพลังงานที่นายกฯบอกประชาชน คือ เตาเศรษฐีใช้แล้วดีมีแล้วรวย ที่มีสัญลักษณ์ เบอร์ 5 ที่สนับสนุนโดยกระทรวงพลังงาน ขณะที่ยกเตามหาเศรษฐี ออกมาโชว์ และแจกจ่ายพัดสานให้ ส.ส. พรรคเพื่อไทยที่นั่งอยู่โดยรอบด้วย

ป้ายกระดาษปล่อยเพื่อนเรา

ก่อนหน้านี้ นางสาวเบญจา แสงจันทร์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในกรณีบิดผันกระบวนการยุติธรรมเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการปราบปรามประชาชนผู้เห็นต่าง และปิดกั้นการใช้เสรีภาพของประชาชน ทั้ง ม. 116 ยุยงปลุกปั่นฯ และ ม. 112 หมิ่นประมาทกษัตริย์ ซึ่งเบญจา กล่าวว่าเป็นการบิดเบือนกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เพื่อค้ำจุนและรักษาอำนาจทางการเมืองของรัฐบาล นำมาซึ่งการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนและวิกฤตของสถาบันตุลาการและสถาบันทางการเมืองอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 2563 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีผู้ถูกดำเนินคดีจากสถานการณ์ชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไปแล้วอย่างน้อย 1,832 คน โดยเป็นเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 282 ราย มีผู้ถูกดำเนินคดี ม. 112 กว่า 200 คน ในตอนท้ายเบญจาพร้อม ส.ส. พรรคก้าวไกล ชูรูปภาพของ ใบปอ ณัฐนิช และ บุ้ง เนติพร ผู้ถูกดำเนินคดีการเมืองและเรียกร้องให้ปล่อยตัวและความยุติธรรมให้กับนักโทษการเมืองทุกคน รวมทั้งคดี ม.112 

“เต้ 007” ยกพระมาบิณฑบาต ขอนายกฯ ลาออก

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยเจ้าตัวระบุถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยช่วงการบริหารของรัฐบาล ทั้งการปล่อยเครื่องบินของเมียนมารุกล้ำน่านฟ้าไทย สถานการณ์หนี้ต่างๆของประเทศ การกู้เงิน ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าน้ำมันที่สูงมากกว่าเดิม ทำให้รายจ่ายประชาชนเพิ่มแต่รายได้เท่าเดิม ทั้งนี้ ตอนท้ายของการอภิปรายมงคลกิตติ นิมนต์พระพุทธรูปปางบิณฑบาต แสดงต่อที่ประชุม พร้อมกับระบุว่า “ขอบิณฑทบาต พล.อ.ประยุทธ์ ให้ปลดปล่อยประเทศไทย ประชาชนไทย ด้วยการลาออกจากนายกฯ อยู่มาแล้ว 8ปี 2 เดือน ถ้าอยู่ต่อไปไม่มีประโยชน์ ผมจึงขอบิณฑบาต”