บิ๊กโจ๊ก ไม่ไว้หน้า จับเพื่อนร่วมรุ่น ยศ พ.ต.อ. แอบอ้างว่าสนิท เรียกเงินผู้ต้องหา 6 ล้าน

“บิ๊กโจ๊ก” ลั่น เพื่อนดีส่งเสริม เพื่อนไม่ดีก็ไม่ละเว้น จับกุมเพื่อนร่วมรุ่น หลังแอบอ้างว่าสนิท ก่อเหตุเรียกรับเงิน 6 ล้าน อ้างช่วยประกันตัวผู้ต้องหาได้

วันนี้ (19 ก.ค.65) เมื่อเวลา 10.15 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางเข้าสอบปากคำ พ.ต.อ.ราเมศ แก้วสูงเนิน ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.แม่ฮ่องสอน ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกง หลังแอบอ้างว่าสนิทกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลวงผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ต้องกักชาวต่างชาติว่าสามารถช่วยเหลือทางคดี และสามารถประกันตัวผู้ต้องกักได้ โดยมีการเรียกรับเงินจำนวน 6 ล้านบาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสามารถจับกุมตัว Mr.Ritesh Patel ชาวอังกฤษ ผู้ต้องหาตามหมายจับสากลคดีเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยใช้พาสปอร์ตปลอมในชื่อ Mr. Bret Blake Webber สัญชาติอังกฤษ ซึ่งทางการของประเทศอังกฤษมีความประสงค์ให้ส่งตัวกลับประเทศเพื่อดำเนินคดี ทาง สตม.จึงต้องทำการกักตัวไว้ ที่ กก.3 บก.สส.สตม.

ต่อมาได้มี น.ส.ธิรวรรณ์ (สงวนนามสกุล) ผู้เสียหายได้ขอเข้าประกันตัวผู้ต้องกัก แต่ไม่สามารถขอประกันตัวได้ ผู้เสียหายจึงขอความช่วยเหลือไปยัง นายธนัญวัธน์ (สงวนนามสกุล) ซึ่งมีความรู้จักกับ นายวิทยา (สงวนนามสกุล) และนายวิทยาอ้างว่ารู้จักกับ พ.ต.อ.ราเมศ แก้วสูงเนิน ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.แม่ฮ่องสอน นักเรียนนายร้อยรุ่น 47 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และมั่นใจว่าจะสามารถช่วยเหลือทำเรื่องประกันตัว Mr.Ritesh Patel ได้ ทำให้ผู้เสียหายและนายธนัญวัธน์หลงเชื่อ โดยนายวิทยาแจ้งว่า ต้องมีค่าดำเนินการและชำระเงินในกับนายวิทยาจำนวน 6 ล้านบาท

ต่อมาวันที่ 29 มิ.ย.65 นายธนัญวัธน์ และนายวิทยา ได้เข้าติดต่อร้อยเวรรักษาการณ์ประจำสถานกักกันคนต่างด้าว  เพื่อเข้าพบ Mr.Ritesh Patel แต่ร้อยเวรแจ้งว่าไม่สามารถเข้าพบได้เนื่องจากผิดระเบียบของการเข้าเยี่ยม  แต่นายวิทยาได้พยายามให้ร้อยเวรคนดังกล่าวพูดคุยกับบุคคลที่อ้างว่าเป็น พ.ต.อ.ราเมศ แก้วสูงเนิน ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นชุดทำงานของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมทั้งอ้างว่าผู้ต้องกักทำงานและเป็นสายให้กับตนเอง และพยายามจะเข้าพบผู้ต้องกักให้ได้ แต่ร้อยเวรยังยื่นยันว่าไม่สามารถให้เข้าพบได้เนื่องจากขัดระเบียบปฏิบัติและให้ติดต่อกับผู้บังคับบัญชาโดยตรง 

หลังจากนั้นนายวิทยา ได้แจ้งให้ น.ส.ธิรวรรณ์ และ นายธนัญวัธน์ โอนเงินให้ครบจำนวน 6 ล้านบาท  เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้ครบตามจำนวนและพยายามติดต่อเรื่องขอประกันตัว กลับพบว่านายวิทยาพยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนพักหลังไม่สามารถติดต่อได้แล้ว จึงเข้าร้องทุกข์

จากแนวทางการสืบสวนพบว่า นายวิทยามีการติดต่อกับ พ.ต.อ.ราเมศ ในห้วงเวลาเกิดเหตุจริง มีพยานบุคคลที่สามารถยืนยันได้ว่า ทั้งคู่มีการแอบอ้าง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. จริง ส่วนเส้นทางการเงินจำนวน 6 ล้านบาท ได้แบ่งกระจายไปตามบัญชีต่างๆ  โดยได้มีการโอนเงินให้นายวิทยา 3 แสนบาท ส่วนที่เหลือได้โอนกระจ่ายไปยังคนในครอบครัวของ พ.ต.อ.ราเมศ ประกอบไปด้วย แม่ /ลูก และภรรยา ก่อนที่จะโอนกลับเข้ามายังบัญชีของ พ.ต.อ.ราเมศ รวมจำนวน 5 ล้านกว่าบาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เบื้องตนได้เข้าไปพูดคุยกับเพื่อร่วมรุ่น เจ้าตัวให้การรับสารภาพ จากการสืบสวนพบว่าครั้งนี้ไม่ใช้ครั้งแรก ผู้ต้องหาเคยมีพฤติการณ์ในลักษณะนี้หลายครั้ง  ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อร่วมรุ่นกันแต่ถ้าเพื่อนทำผิดก็ต้องดำเนินคดี เพื่อนดีก็ต้องส่งเสริม เพื่อนไม่ดีก็ไม่ละเว้น ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมา ตนจับกุมผู้ต้องหาที่แอบอ้างชื่อตนเพื่อกระทำความผิดรายนี้ถือเป็นรายที่ 5 

อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้รู้สึกกังวลใจ แต่เกรงว่าประชาชนจะหลงเชื่อ จึงฝากบอกประชาชนว่าถ้าต้องการสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตน สามารถโทรมาได้ที่ สว.นนท์ ตำรวจติดตามที่เบอร์ 064-954-9197 ยืนยันว่าตนไม่มีพฤติกรรมในการเรียกรับผลประโยชน์ และฝากไปถึงกลุ่มบุคคลที่อ้างชื่อตนในการกระทำความผิดว่าตนจะดำเนินการจับกุมให้หมด