รัฐบาลแตกแบงก์พัน ฝ่ายค้านดึงเซ็ง

ในช่วงเวลาที่กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ยังลูกผีลูกคนอยู่ในสภา สัปดาห์นี้ 2 พรรคการเมืองใหม่เปิดตัวด้วยแกนนำหน้าเก่าพันธมิตร 3 ป. ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมแผ่นดินที่จัดการประชุมใหญ่เลือกกรรมการบริหารพรรคไปเมื่อวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ ตามด้วยพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่จัดการประชุมไปเมื่อเช้าตรู่วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ

หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน คือ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย น้องรัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และได้เลขาธิการพรรคคือ จำลอง ครุฑขุนทด อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและแนวร่วม นปช. ที่ย้ายมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐเมื่อปี 2562 แม้จะยังแทงกั๊กเรื่องแคนดิเดตนายกฯ แต่ พล.อ.วิชญ์ ก็ยอมรับว่าเคยทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาหากในอนาคตเจอใครที่ดีกว่าท่าน ก็จะสนับสนุนคนที่ดี ซึ่งเป็นการตอบที่แม้จะไม่ฟันธง แต่ก็ไม่ปิดประตู

ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าพรรค เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ แกนนำ กปปส. เป็นเลขาธิการพรรค และปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาพรรค ซึ่งเขาเองก็ให้สัมภาษณ์สื่อว่าจะหนุน พล.อ.ประยุทธ์ และพีระพันธุ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ส่วน “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ตัวเองเคยเห็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง มาวันนี้ประกาศตั้งพรรคใหม่ชื่อ “พรรคเทิดไท” และหนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีตลอดกาล

เป็นภาพที่ค่อนข้างขัดแย้งกับฝั่งพรรคเพื่อไทย ที่พยายามดึงแกนนำพรรคเก่าๆ กลับมาร่วม “บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” หวังเดินเกมส์แลนด์สไลด์ แต่กลับถูกรัฐสภาที่นำโดยพรรคเล็ก และรัฐบาล เสนอสูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ หาร 500 แบบเตะตัดขา ซึ่งนี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝั่งรัฐบาลเดินหน้าแตกแบงก์พันเป็นพรรคเล็กพรรคน้อยเพื่อรองรับเกมส์การเลือกตั้งในอนาคต

แต่เกมส์การเมืองในรัฐสภาก็กำลังส่งกลิ่นตุๆ เมื่อการประชุมร่วมของรัฐสภาสัปดาห์ที่ 2 มีสมาชิกมาร่วมประชุมและแสดงตนนับองค์ประชุมน้อยลงจนเกือบจะไม่ครบองค์ประชุม

ประกอบกับการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองถูกตีกลับไปให้กรรมาธิการแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้องหลังกรรมาธิการเสียงข้างน้อยชนะโหวตแก้ไขการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อจากหาร 100 เป็นหาร 500 และยังถูกคั่นด้วยการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การปรับเป็นพินัย และร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม ที่ใช้เวลานับองค์ประชุมและโหวตแต่ละมาตรานานเกือบ 30 นาที จนสุดท้าย ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาต้องประกาศปิดการประชุม เพราะสภาล่ม โดยที่ยังพิจารณากฎหมายไม่เสร็จ

ขณะที่กำหนดเวลาแก้ไขกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะครบ 120 วันภายในวันที่ 15 สิงหาคม นั่นหมายความว่าหากมีการดึงเช็งในพิจารณากฎหมายลูกไม่เสร็จวาระ 3 ภายในกรอบเวลา จะต้องกลับไปใช้ร่างกฎหมายลูกที่ กกต. เสนอคือ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบและให้สูตรหาร 100 คำนวณหา ส.ส. บัญชีรายชื่อ

อย่างไรก็ตาม หลายคนคาดการณ์ว่าอาจเป็นเกมส์ของฝ่ายค้านที่จะดึงเช็งให้กลับไปใช้สูตรหาร 100 ดับฝันพรรคเล็ก เป็นไปตามที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ได้ให้ความเห็นไว้ เท่ากับว่าจะเป็นการปิดโอกาสพรรคเล็ก ให้พรรคใหญ่กลับมาได้เปรียบอีกครั้ง

ทั้งนี้ความเป็นไปได้ตามกระบวนการกฎหมายคือ หากรัฐสภาพิจารณาร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ผ่านวาระ 3 ตามกรอบเวลา ก็ต้องส่งให้ กกต. และสำนักงานกฤษฎีกาให้พิจารณาว่าการหาร 500 เป็นไปได้หรือไม่ หรืออาจจะมีมีคนยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

หรือซ้ำร้ายไปกำว่านั้น หากเกิดทางตันในทางการเมือง นายกรัฐมนตรีก็มีอำนาจในการออกพระราชกำหนดให้มีการเลือกตั้งได้ ซึ่งก็อาจจะต้องกลับไปใช้กติกาการเลือกตั้งแบบปี 2562 คือบัตรใบเดียว ดังนั้นการแตกแบงก์อาจจะเป็นได้ทั้งยุทธศาสตร์หลัก หรือแผนสำรอง ตราบใดที่กติกาการเลือกตั้งยังไม่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ